หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้ารายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีเต็งเส่งแห่งพม่ากล่าวคำปราศรัยเกี่ยวกับแผนพัฒนาแห่งชาติ 5 ปี โดยตั้งเป้าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของพม่าถัวเฉลี่ยในช่วง 5 ปีข้างหน้านับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2011- 2012 อยู่ที่ 7.7% พม่าจะเริ่มปฏิรูประลอกสอง โดยศูนย์กลางของการปฏิรูปฯ อยู่ที่เศรษฐกิจประธานาธิบดีเต็งเส่งกล่าวว่า การค้าและการลงทุนเป็นแรงกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญ ในด้านการลงทุน ไม่เพียงแต่พุ่งเป้าที่การลงทุนของรัฐบาล และภาคเอกชนภายในประเทศ หากยังต้องการการสนับสนุนให้ต่างประเทศมาลงทุนด้านเทคโนโลยีมากขึ้น
หลายเดือนมานี้ พม่าเริ่มปฏิรูปทางการเมือง การลงทุนในพม่ากลายเป็นประเด็นร้อนที่สื่อมวลชนประเทศต่างๆ นิยมรายงานกัน บริษัทโคคา-โคล่าของสหรัฐอเมริกาแถลงว่า หากรัฐบาลสหรัฐฯ อนุญาต ทางบริษัทจะดำเนินการขายตรงในพม่าเป็นครั้งแรกในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา ส่วนบริษัทจีอีของสหรัฐอเมริกาแถลงว่า ทางบริษัทกำลังหารือกับรัฐบาลพม่าเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในความร่วมมือด้านสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน
ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีของพม่าเห็นว่า การปฏิรูประลอกสอง ก่อนอื่นพม่าควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายของชาติ อันดับสองก็คือควรปรับขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง และเพิ่มจิตสำนึกด้านการให้บริการของรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐบาลพม่าหลายคนเห็นว่า กฎหมายพม่ากำลังจะผ่านหลายฉบับจะเพิ่มความโปร่งไสในด้านการลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติ และให้ประกันแก่นักลงทุนมากขึ้น แหล่งข่าวแจ้งว่า กฎหมายว่าด้วยการลงทุนสำหรับชาวต่างชาติ และกฎหมายว่าด้วยเขตเศรษฐกิจพิเศษพม่าจะยื่นให้รัฐสภาพิจารณาในเดือนหน้า
สถิติจากกระทรวงการวางแผน และการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติพม่า จนถึงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พม่าได้อนุมัติการลงทุนด้านแก๊สธรรมชาติถึง 13,475 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 43.74% ของโครงการที่ได้รับอนุมัติ รองลงมาคือโครงการผลิตกระแสไฟฟ้า เป็น 41.88% อันดับที่ 3 คือการเหมืองแร่ เป็น 7.46% ของยอดการลงทุนในกิจการ 3 ประเภทดังกล่าวและคิดเป็น 93.08% ของยอดการลงทุนในพม่า ขณะนี้ รัฐบาลพม่าหวังจะดูดการลงทุนด้านสิ่งทอ การตัดเย็บเสื้อผ้า และผลิตรองเท้าเป็นต้น
(In/cici)