Salsa Caribe
9. Salsa Caribe
บาร์ที่จะแนะนำต่อไปนี้ค่อนข้างที่จะมีเอกลักษณ์อย่างสูง และมีความเฉพาะกลุ่มเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นสถานที่สำหรับคนรักกการเต้นซัลซ่ามารวมตัวกัน คนทุกเพศ(ขอย้ำ) และทุกวัยที่หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยจังหวะยักย้ายส่ายเอวสไตล์ลาตินต่างมุ่งหน้ามายังบาร์แห่งนี้เพียงแห่งเดียว ด้วยเพราะมีพื้นที่สำหรับเต้นอย่างกว้างขวาง และมีวงเล่นดนตรีสดสไตล์ลาตินกลิ่นสเปนขนานแท้ ซึ่งนำเข้ามาาโดยตรงจากอีกซีกโลกหนึ่ง
บาร์แห่งนี้ชื่อว่า "ซัลซ่า คาริเบ" ตั้งอยู่ที่ย่านซานหลี่ถุน แหล่งรวมความบันเทิงยามราตรีที่หนาแน่นไปด้วยบาร์นานาชาติของกรุงปักกิ่ง เพียงแต่ไม่ได้อยู่ฝั่งทางด้าน "เดอะ วิลเลจ" ซึ่งนักท่องราตรีรู้จักกันดี หากแต่ต้องข้ามมายังอีกทางหนึ่งทางด้านร้านหนังสือบุ๊กเวิร์ม หรือด้านหลังตึก "จง หยู พลาซ่า" ซึ่งเป็นที่ตั้งของ "บาหลี บลิช" ที่เคยแนะนำเมื่อครั้งพูดถึงในคอลัมน์ "นั่งข้างนอกที่ร้านไหนดี" ก่อนหน้านี้
รับรองว่าหาไม่ยาก แม้ตอนเดินผ่านตึกสูงเข้ามาอาจจะไม่มีสื่อสัญญาณอะไรบอกว่ามีบาร์ตั้งอยู่ แต่พอพ้นหัวมุมตึกมาแล้วก็จะเห็นร้านเหล้าจำนวนหนึ่งตั้งอยู่ ซึ่งโดยมากเป็นร้านสไตล์สเปนิช และลาติน
"ซัลซ่า คาริเบ" นั้นแตกต่างและโดดเด่นกว่าร้านอื่น ที่โดดเด่นคือเราไม่สามารถมองเห็นว่าบาร์แห่งนี้หน้าตาเป็นอย่างไรจากภายนอก เพราะว่าทางเข้ามีเพียงช่องประตูเท่านั้น ส่วนบาร์ตั้งอยู่ลึกภายในตัวอาคาร แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะหาไม่พบ เพราะด้านหน้าร้านมีป้ายชื่อ "Salsa Caribe" ประทับหราอยู่ที่หน้าอาคาร
ที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่ง และจริงๆ เราไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเลยก็คือ ที่นี่ต้องเสียค่าบัตรผ่านประตูเพียงร้านเดียวในย่านนี้ พนักงานชายรูปร่างกำยำที่สวมชุดซาฟารีสีกรมท่าสามสี่คนที่ยืนอออยู่หลังเค้าท์เตอร์เล็กเหมือนที่รับรถหน้าโรงแรมนั่นแหละ คือจุดเด่นที่ว่า และไม่ว่าคุณจะมาจากประเทศไหน มีเพศสภาพอย่างไร หน้าตาสะสวย และต่อรองเก่งอย่างไร ก็ไม่สามารถเล็ดลอดเข้าไปได้หากปราศจากการควักกระเป๋าจ่ายค่าตั๋วราคา 30 หยวน เมื่อผ่านเข้าไปแล้ว 1 ก้าว จะได้รับการประทับตราที่ท้องแขนหรือข้อมือ เป็นรอยที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งต้องใช้เพียงไฟฉายชนิดพิเศษส่องเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้ดูเป็นการสกปรกร่างกายสำหรับหนุ่มๆ สาวๆ ที่แต่งตัวสวยงามเตรียมมาลีลาศกัน และผ่านจุดนี้ไปยังมีชายอีกคนคอยตรวจค้นสัมภาระ กันผู้คนพกอาวุธหรือสิ่งของที่อาจเกิดอันตรายต่อฝูงชนได้ รวมถึงห้ามนำน้ำดื่มใดๆ เข้าไปแย่งยอดจำหน่ายภายในร้านด้วย
ไม่เท่านั้น สำหรับคนที่แบกกระเป๋าใบใหญ่มา ที่นี่ยังมีบริการล็อกเกอร์ฝากของด้วย เพื่อให้เราสามารถไปรื่นเริงเต้นระบำได้แบบสบายตัวสบายใจ
เพียงเหยียบย่างเข้าไปถึงส่วนที่เป็นบาร์จริงๆ เท่านั้น หัวใจที่เต้นตุ๊บอยู่ก่อนหน้าที่ได้ยินจังหวะเพลงซัลซ่าตอนที่ซื้อบัตรและผ่านด่านตรวจอยู่นั้น ก็ขยับจังหวะแน่นหน้าอกขึ้นด้วยความตื่นใจ เพราะพื้นที่ด้านในนั้นกว้างใหญ่มาก ลานสำหรับเต้นที่หน้าเวทีนั้น ประมาณด้วยสายตาแล้วจุได้ไม่ต่ำกว่า 50 คน ในการเต้นพร้อมๆ กัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ถ้าไปอัดกันเต้นแบบอื่นที่ไม่ใช่ซัลซ่าที่ต้องการพื้นที่แล้วล่ะก็ ผู้คนยังสามารถไปดิ้นสนุกสนานกันได้มากถึงร้อยคนอย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนพื้นที่สำหรับนั่งดื่มนั้นก็มีทั้งที่เป็นแบบโต๊ะยาวนั่งคุยและดื่มกันได้สบายๆ และแบบสตูลที่มีไว้สำหรับตั้งเครื่องดื่มเท่านั้น เพราะตรงนี้เหมาะสำหรับคนขี้อายที่ไม่อยากออกไปเต้นกลางฟอร์ให้ได้สามารถขยับแข้งขยับขาอยู่ที่โต๊ะตัวเองได้ และพื้นที่นั่งอีกแบบหนึ่งคือ ชุดโซฟาหนานุ่มอย่างดี ซึ่งโซนนี้จะต้องจองล่วงหน้า เดินดุ่ยๆ เข้าไปไม่มีทางได้เบาะนุ่มๆ รองก้นแน่นอน และที่สำคัญต้องมากันเป็นกลุ่มใหญ่จึงจะสามารถจองชุดโซฟานี้ได้ คนที่มานั่งส่วนใหญ่ก็ดูเหมือนจะเป็นลูกค้าประจำ เพราะดูคุ้นเคยกับบริกรเป็นอย่างดี
ส่วนตัวของเค้าท์เตอร์บาร์นั้นตั้งอยู่ในสุดของร้าน ด้วยขนาดที่กว้างใหญ่จึงสามารถสั่งได้ทั้งด้านหน้าและด้านข้าง พร้อมเก้าอี้สตูลสำหรับคนที่มาเดี่ยวให้นั่งแบบไม่เดียวดาย
สำหรับการตกแต่งของ "ซัลซ่า คาริเบ" ออกแนวล็อฟหน่อยๆ พื้นทางเดินเป็นปูนเปลือย เสาและผนังก่อรอบด้วยอิฐแดงขนาดใหญ่แบบเดียวกับที่ใช้ทำบ้านโบราณสื่อเหอย่วน ตามแต่ละรอยต่อของห้องก่ออิฐโค้งรับเป็นซุ้มประตู ทุกมุมประดับไฟเรื่อไว้ให้เกิดเงาและมิติตื้นลึกดึงดูดให้เกิดเสน่ห์พิเศษอีกด้วย แต่เมื่อยามเพลงถึงจังหวะที่เร้าใจ แสงไฟที่ดูวอมแวมในตอนแรกก็จะสว่างจ้าและดับ สลับกับไฟเธคหลากสีหมุนติ้ว ไฟสปอร์ตไลต์ที่ส่ายสาดไปรอบห้อง เวลานี้คนที่ชื่นชอบก็จะเต้นกันไม่หยุด ส่วนคนที่หัวใจอ่อนแอหน่อยก็อาจจะหายใจไม่ทั่วท้องได้ เพราะจะรู้สึกวิงเวียนขึ้นมาทันที
แต่หากปริมาณเครื่องดื่มที่ถูกสาดลงสู่ลำคอได้ปริมาตรที่พอเหมาะ ไม่ว่าจะเต้นไม่เป็น หรือเครียดชีวิตมากจากไหน บรรยากาศที่ทุกคนพร้อมใจกันมาเต้นแบบนี้ก็สามารถทำให้หลงลืมบางสิ่งบางอย่างนอกสถานบันเทิงแห่งนี้ได้ดีทีเดียว และที่สำคัญคุณจะไม่เหงาเด็ดขาด แม้จะมาคนเดียว ขอเพียงแต่อย่าขี้อายจนเกินไปเท่านั้น เพราะที่นี่มีนักเต้นระดับเท้าไฟจำนวนมากมายที่ใจดีพอจะพาคุณออกไปขยับเอวส่าบสะโพกให้เพลินไปกับเสียงเพลง และหากไม่เป็นในจังหวะจริง ก็มีคนพร้อมที่จะสอนแบบค่อยเป็นค่อยไปด้วย โดยไม่เลือกหน้าตา ผิวพรรณ หรือสัญชาติ ให้บรรยากาศที่เป็นกันเองอย่างมาก เพราะทุกคนที่เลือกเข้ามาร้านนี้ อย่างน้อยก็ต้องรู้สึกว่าตัวเองรักการเต้น หรือไม่ก็ชอบเสียงเพลง เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนใน "ซัลซ่า ตาริเบ" สามารถเข้าถึงและเชื่อมถึงกันได้ง่ายดาย
Modernista
10. Modernista
"โมเดิร์นนิสตา" ตั้งอยู่ลึกเข้าไปใน "เป่าเชา หูถ้ง" ตรงข้ามกับ "เทมเพิล บาร์" ประมาณ 200 เมตร แม้ที่นี่จะไม่ได้มีดนตรีสดเล่นทุกค่ำคืน แต่ยามใดที่มีงานวงที่คัดมาก็ทำให้ทุกคนไม่ยอมที่จะกลับบ้าน แม้จะดึกดื่นเพียงใด
บาร์แห่งนี้แม้จะอยู่ซอยลึก แต่ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในปักกิ่งก็รู้จักกันเป็นอย่างดี ด้วยเพราะว่า "โมเดิร์นนิสตา" น่าจะเป็นบาร์สไตล์สเปนิสเพียงหนึ่งเดียวในย่าน "กู่โหลว" ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วจะได้ยินแต่คนส่งสำเนียงภาษาสเปนหรือไม่ก็โปรตุกิส เพราะสองภาษานี้ละม้ายคล้ายกันเหมือนคนพูบาฮาซามาเลเซียกับอินโดนีเซียที่ฟังเข้าใจกันได้ หรือเหมือนคนไทยกับคนลาวที่เข้าใจในภาษาของกันและกันมายาวนาน
แม้จะตั้งอยู่ในบ้านแบบสื่อเหอย่วนโบราณของกรุงปักกิ่ง แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของอิทธิพลความร่วมสมัยสไตล์สเปน พื้นร้านปูด้วยกระเบื้องสีขาวสลับดำเป็นตารางหมากฮอส โต๊ะเก้าอี้ก็สีดำกลมกลืน บนผนังประดับงานศิลปะที่พร้อมขายหากมีผู้ใดติดใจ ด้านหน้าร้านเป็นกระจกบานใหญ่ จัดวางอุปกรณ์ในยุคเจ็ดศูนย์ จำพวกเครื่องพิมพ์ดีด โคมไฟ กระเป๋า นาฬิกา ให้บรรยากาศเรโทรๆ เล็กน้อย และถัดจากกระจกบานนั้นเป็นยกพื้นเล็กๆ สำหรับวงดนตรีมาวาดลวดลาย และวันไหนไม่มีวง ตรงนั้นก็พร้อมจะถูกแทนที่ด้วยโต๊ะเก้าอี้อีกชุดไว้คอยรับแขก
วงที่เคยมาเล่นที่นี่ ส่วนใหญ่ออกไปในสไตล์แจ๊ซและป๊อปร็อกย้อนยุค อย่างวง "เบจิง บีทเทิ้ล" ที่โด่งดังในการเล่นก๊อปปี้เพลงของเดอะ บีทเทิ้ลก็เคยมาบรรเลงความสนุกที่นี่ วงดนตรีที่เล่นแนวโฟล์ดแบบบราซิลเลี่ยนก็เคยดึงชาวบราซิลเกือบทุกคนในปักกิ่งในมารวมกันในร้านขนาดย่อมแห่งนี้จนแออัดมาแล้ว และในช่วงเทศกาล La Fete ซึ่งจัดพร้อมกันทั่วโลกโดยสมาคมฝรั่งเศส ก็เลือกใน "โมเดิร์นนิสตา" เข้าร่วม โดยมีวงที่เล่นแนวสวิงแจ๊ซมาแจมในคืนนั้น
จุดเด่นของ "โมเดิร์นนิสตา" คือที่นี่จำหน่ายเบียร์ถูกว่าที่แห่งอื่น อย่างเช่นเบียร์สดเหยี่ยนจิง(เบียร์ท้องถิ่นปักกิ่ง) ราคาเพียงแก้วละ 15 หยวน หรือยี่ห้อซานมิเกล เบียร์นำเข้าสัญชาติฟิลิปปินส์จากสูตรความหอมและนุ่มสไตล์สเปนิสก็ขวดละ 20 หยวน ยังไม่รวมเครื่องดื่มจำพวกค็อกเทลซึ่งมีให้เลือกหลากหลายและราคาก็พอรับได้ทั้งนั้น แต่ที่ขอแนะนำเป็นพิเศษคือ "กาแฟผสมรัม" ซึ่งเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของคนสเปน และที่นี่ก็ชงออกมาได้อย่างเพอร์เฟ็กต์ แถมสั่งแล้วยังความสนุกสนานด้วย เพราะขณะที่เจ้าของร้านเอาเครื่องดื่มมาเสริฟนั้น นอกจากแก้วกาแฟแล้ว ยังเดินหนีบขวดรัม(ยี่ห้อกัปตันมอร์แกน) และบอกว่า "เราจะรินเหล้านี้ใส่ในแก้วกาแฟของคุณแล้วนะ ถ้าพอเมื่อไร ก็บอกให้หยุดทันที" ซึ่งคนรินเหล้าเขาก็จะขยักๆ เดี๋ยวเทเดี๋ยวหยุด ให้เราลุ้นไปด้วย แต่ส่วนใหญ่คนก็จะไม่ได้ต้องการมากนัก เพราะจะรู้สึกเกรงใจ
อีกอย่างหนึ่งที่ประทับใจนักดื่มเมื่อมานั่งสนทนาท่ามกลางฟองเบียร์ที่นี่ นั่นก็คือ "ห้องน้ำ" เพราะด้านหลังมีห้องน้ำที่แสนสะอาดสะอ้าน ที่สำคัญชักโครกไม่ตัน หญิงนั่งสบาย ชายยืนสะดวก กลิ่นโล่งจรรโลงจมูก และไม่ต้องเดินขาหนีบออกไปไกลถึงห้องร้ำในหูถ้ง ตอนที่ปวดจัดๆ โดยเฉพาะหน้าหนาวที่ข้างนอกลมพัดตัวปลิวและหูแทบหลุดจากความเย็นระดับต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
นี่คือ 10 บาร์เด็ดดนตรีสดในปักกิ่งที่ภูมิใจนำเสนอ อาจตรงใจใครบ้าง และอาจจะไม่ตรงใจใครเลย ซึ่งก็แล้วแต่รสนิยมของใครของมัน แต่ถ้าเดินไปพบผมเข้าบางคืนในร้านเหล่านี้ก็แวะมาทักทายกันบ้าง เพราะนั่นหมายความว่าเรามีใจตรงกัน
กันเปย...
พัลลภ สามสี