ชาวจีนกับวัฒนธรรมการกินเพื่อสุขภาพนั้น แทบจะแยกกันไม่ออกจากชีวิตประจำวัน จนมีสำนวนว่า "หากเดินหลังกินข้าวร้อยก้าวทุกวัน จะทำให้อายุยืนเก้าสิบเก้าปี" หรือ "กินอะไร รักษาอย่างนั้น" เป็นต้น จึงทำให้จีนนั้นมีอาหารและขนมมากมายซึ่งทุกอย่างเชื่อว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพแทบทั้งสิ้น หากใครเคยมาเยือนเมืองจีนและได้รับประทานอาหารในภัตตาคารจีนต่างๆ จะเห็นว่า อาหารจานเย็นและกินเล่นนั้นส่วนใหญ่เป็นผักและผลไม้ แต่สิ่งคุ้นตามากที่สุดเห็นจะเป็นมะเขือเทศราชีนีลูกเล็กๆ สีแดงสดใส รวมถึงแตงกวาและแครอทสดหั่นแบบยาวเสริฟพร้อมกับน้ำจิ้มที่มีรสชาติแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่นหรือแม้กระทั่งร้านผลไม้รายทางก็จะมีมะเขือเทศชนิดนี้ขายด้วย และจะเป็นภาพชินตาที่จะเห็นชาวจีนนั้นซื้อมาเป็นของกินเล่นยามว่าง โดยเฉพาะหนุ่มสาวชาวจีน
ของกินเล่นของชาวจีน
หากเป็นที่เมืองไทย การรับประทานมะเขือเทศสดนั้นออกจะเป็นเรื่องยากสำหรับชาวไทยบางคนเนื่องจากกลิ่นและรสชาตินั้นอาจไม่ถูกปากเท่าไรนัก ทั้งที่รู้ว่าเป็นแหล่งรวมสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายก็ตาม ถึงแม้ปัจจุบันจะนำเอามะเขือเทศมาแปรรูปแต่ก็ยังรับประทานได้ยาก ไม่สะดวกในการพกพาและไม่เหมาะกับเวลาเร่งด่วน แต่ด้วยกระแสใส่ใจสุขภาพกำลังมาแรงในเมืองไทยที่มีดัชนีบ่งชี้ว่าคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น จะเห็นได้จากโฆษณาลดแลกแจกแถมของฟิตเนส ร้านสปาเสริมความงามที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดตามทุกหัวมุมถนน รวมถึงร้านอาหารเพื่อสุขภาพก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย และยังมีผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวมากมายออกมาให้สาวไทยเลือกซื้อหาตามความพอใจ และได้คิดค้นสูตรเพื่อตอบโจทย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพกพาสะดวก แก้หิว รับประทานง่าย อิ่มเบาๆ รวมถึงให้คุณค่าทางโภชนาการสูงเทียบเท่าผักและผลไม้สด ถือเป็นการแปรรูปแบบหนึ่งที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ใส่ใจในสุขภาพ
ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพกำลังได้รับความนิยมจากสาวไทย
วิถีการกินนั้นเป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความมีวัฒนธรรมและความใส่ใจรายละเอียดของคุณภาพชีวิตในสังคมหรือประเทศนั้น ยิ่งประเทศไหนมีอาหารมากมายและใช้เครื่องปรุงด้วยผักหรือผลไม้นานาชนิด รวมถึงมีวิถีการปรุงที่สลับซับซ้อนยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงการใส่ใจและละเมียดละไมในการใช้ชีวิตโดยถือเอาสุขภาพเป็นสำคัญ เมื่อประชาชนสุขภาพดีก็จะส่งผลให้ชุมชนไปจนถึงหน่วยสังคมระดับใหญ่ด้านสาธารณสุขนั้นมีศักยภาพและเข้มแข็งตามมาด้วย
สุชารัตน์ สถาพรอานนท์