หากเอ่ยถึงปิดเทอมไม่ว่าจะเป็นเด็กในเมืองใหญ่หรือชนบท ทุกคนต่างรู้สึกมีความสุขสนุกสนานเหมือนกัน แต่กิจกรรมระหว่างปิดเทอมนั้นก็แตกต่างกันไปตามวิถีชีวิต และรายได้ของพ่อแม่ผู้ปกครอง ส่วนใหญ่ตามชนบทจีนก็คล้ายคลึงกับชนบทในประเทศอื่นๆ ซึ่งแต่ละหมู่บ้านจะเหลือปู่ย่าตายายและหลานๆ ดูแลกันเอง เพราะรุ่นพ่อแม่นั้นต้องออกไปหางานทำเมืองใหญ่เพื่อหารายได้มาจุลเจือครอบครัว จีงต้องจำเป็นฝากเด็กๆ ไว้กับญาติที่ชนบท
กิจกรรมในช่วงปิดเทอมของเด็กชนบท
รูปแบบกิจกรรมระหว่างปิดเทอมสำหรับเด็กชนบทนั้นแตกต่างกับเด็กในเมืองอย่างสิ้นเชิง เป็นกิจกรรมที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ตื่นเช้ามาช่วยปู่ย่าตายายทำกับข้าว ให้อาหารสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็น หมู ไก่ เป็ด ฯลฯ แล้วก็ออกไปนาไปไร่พร้อมกัน อาจจะต้องช่วยขุดดินหรือเริ่มใช้แรงงานตามกำลังอายุบ้าง แต่หลังจากนั้นก็คือเวลาว่างของเด็กๆ ที่มักจะจับกลุ่มกันตามลานหมู่บ้าน หากเบื่อก็วิ่งแข่งกันจับตั๊กแตน หรือเล่นซ่อนหาตามท้องไร่ท้องนาที่ผู้ปกครองทำอยู่บ้างก็มี นี่คือ หนึ่งวันในปิดเทอมของเด็กชนบท ถึงแม้จะไม่ได้ไปเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้า หรือร่วมเข้าค่ายปิดเทอมฤดูร้อนเหมือนเด็กในเมือง แต่ปลายทางที่ได้รับเหมือนกัน คือ รอยยิ้ม ความสุข และสีเขียวรอบตัวที่ทำให้รู้จักและรักท้องถิ่นของตนมากขึ้น
แม่ค้ารุ่นเล็ก
นอกจากการเล่นสนุกสนานแล้ว ก็ยังมีเด็กบางคน คิดหารายได้พิเศษเพิ่มเหมือนเด็กหญิงโจว อายุ 11 ปี จากเมืองซู่เจิง มณฑลอันฮุย วันหนึ่งของปิดเทอม เธอได้ไปเที่ยวเล่นที่นาบัวของลุงซึ่งมองไปทางไหนก็เห็นแต่ดอกบัวสุดลูกหูลูกตาทำให้เกิดความคิดว่า หากนำฝักบัวไปขายในตลาดใกล้บ้านคงจะได้เงินไม่น้อยจึงขออนุญาตลุงและลุงก็ใจดีให้เงินก้นถุง 20 หยวนเป็นทุนเริ่มต้น เธอเอาเงินนั้นซื้อฝักบัวที่นาบัวของลุงต่อทันที วันรุ่งขึ้น เธอรีบหอบฝักบัวไปวางขายที่ตลาด เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงไม่มีลูกค้าคนใดซื้อฝักบัวเลย เธอเริ่มรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่ผ่านไปไม่นานก็มีคุณป้าคนหนึ่งมาซื้อ และหลังจากนั้นได้ไม่นานมีลูกค้ามากมายมารุมซื้ออีกจนหมดเกลี้ยง วันแรกได้กำไร 17 หยวน วันที่สองได้กำไรเพิ่มเป็น 23 หยวน และนำไปคืนลุงพร้อมซื้อฝักบัวไปขายต่อ เธอบอกว่า สิ่งสำคัญที่ได้เรียนรู้นั้นคือ กว่าจะได้เงินแต่ละหยวนนั้นมันยากเย็นและต้องอดทนมากแค่ไหน เธอจึงสัญญากับตัวเองว่า หลังจากนี้ไปจะใช้เงินให้คุ่มค่าที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับปิดเทอมฤดูร้อนนี้ ทางกระทรวงศึกษาธิการจีนก็ได้ประกาศและส่งจดหมายเวียนเน้นย้ำทุกมณฑลให้ดูแลและคุ้มครองความปลอดภัยของเด็กทุกคน โดยเฉพาะโรงเรียนที่ตั้งในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติต่างๆ ต้องจัดอบรมการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินให้กับเด็กๆ ก่อนปิดเทอม รวมทั้งขอความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ให้เป็นหูเป็นตาช่วยกันดูแลเด็กในช่วงนี้เป็นพิเศษ เพราะยอดการเกิดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนของทุกปี จะมีเด็กๆ ได้รับผลกระทบและเสียชีวิตมาโดยตลอด ปีนี้ทางกระทรวงฯจึงรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนช่วยกันลดความเสี่ยงให้กับเด็กทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กในเมืองหรือชนบท ทุกคนก็มีค่าเท่ากันในคุณค่าของความเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ควรได้รับการดูแลปกป้องจากครอบครัว ชุมชนและรัฐ เพราะเด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า และต้องเป็นกำลังที่สำคัญของประเทศชาติต่อไป
สุชารัตน์ สถาพรอานนท์