คุณอภิพงษ์ คุณากรบดินทร์
วันที่ 26 กันยายนนี้ งานสัมมนาการลงทุนในต่างประเทศโดยสมาคมวางแผนและพัฒนาอุตสาหกรรมต่างประเทศของจีน (CIODPA) จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้วิสาหกิจจีนไปลงทุนในต่างประเทศ คุณอภิพงษ์ คุณากรบดินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทย ประจำกรุงปักกิ่งได้เข้าร่วมงานครั้งนี้ และให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุซีอาร์ไอ
ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอ: ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ไทยมีนโยบายหรือมาตรการใดๆเพิ่มเติม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ดี และดึงดูดการลงทุนจากวิสาหกิจจีนให้มากยิ่งขึ้น
คุณอภิพงษ์ คุณากรบดินทร์: โดยปกติแล้ว เรื่องการส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทยเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI เราใช้มาตรการเกี่ยวกับการให้การสนับสนุนในเรื่องของการยกเว้นภาษี และในส่วนของที่ไม่ใช่ภาษี ซึ่งรวมถึงการยกเว้นเรื่องภาษีนิติบุคคล แล้วส่วนของการไม่ใช่ภาษีคือ เรื่องของการที่จะให้ต่างชาติไปลงทุนโดยสามารถจะถือครองที่ดินได้ และมีเรื่องของการลงทุนของชาวต่างชาติ 100% นี่คือมาตรการทั่วไปที่เรามีอยู่ แต่ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา รัฐบาลใหม่ที่ขึ้นมาได้ลดภาษีนิติบุคคลจากเดิมที่เป็น 30% เหลือ 23% ปีถัดไป รัฐบาลหวังว่าจะลดมากขึ้นกว่าเดิม ก็คืออาจจะเก็บแค่ 20% ซึ่งจะเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในอาเซียน นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังได้เพิ่มมาตรการต่างๆอีกมากมายในเรื่องของการที่จะให้ต่างชาติเข้ามา เกิดความมั่นใจ เรื่องของการบริการ เรื่องของการให้ภาษี เรื่องของการยกเว้นภาษี เป็นต้น นอกจากนี้ การสร้างเสถียรภาพของรัฐบาล หรือการทำให้เกิดความมั่นใจในเรื่องของการลงทุน เช่น เราพยายามทำให้ทุกอย่างของเศรษฐกิจมีขั้นตอนและมีเสถียรภาพ มีความโปร่งใสในเรื่องกฎหมาย เรื่องของการปรองดองของรัฐบาลเองที่จะให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เช่น เมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลมีการประชุมกับฝ่ายค้านเพื่อแก้ปัญหาชายแดน 3 จังหวัดในภาคใต้ ซึ่งจะทำให้ต่างชาติเกิดความมั่นใจในเรื่องของการที่จะมาลงทุนและได้รับความดูแลจากรัฐบาลอย่างดี แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซาก็จริง แต่รัฐบาลไทยกำลังใช้มาตรการต่างๆเพื่อทำให้ประเทศเป็นที่น่าเชื่อถือในการลงทุน และมองเห็นอนาคตของประเทศที่ถ้ามาลงทุนในประเทศแล้วจะได้รับความดูแลอย่างดีและมีความเจริญรุ่งเรืองเติบโต
คุณอภิพงษ์ คุณากรบดินทร์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอ
ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอ: จากสถานการณ์ปัจจุบัน ท่านเห็นว่า ประเทศจีนควรเสริมการลงทุนในประเทศไทยด้านใดก่อนเป็นพิเศษ จึงสามารถได้รับประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่ายมากยิ่งขึ้น
คุณอภิพงษ์ คุณากรบดินทร์: ถ้าถามว่า นักลงทุนจีนไปลงทุนในประเทศไทยควรลงทุนในด้านไหนก่อน ผมเอาไปหลักๆ 3 ประการ คือ
1.การใช้วัตถุดิบในประเทศ ของไทยเป็นแหล่งที่ลดค่าใช่จ่ายต่างๆของจีนที่จะไปลงทุนในประเทศไทย ไทยมีความโดดเด่นในเรื่องของผลิตภัณฑ์การเกษตร เกษตรแปรรูป โดยเฉพาะการเกษตรและผลิตภัณฑ์ทางด้านเกษตรค่อนข้างจะพร้อม เช่น ยางพารา เราส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของโลก จีนสามารถใช้ประโยชน์จากการที่ไทยเรามีวัตถุดิบในราคาถูก ไม่ว่าจะแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์การเกษตรเพื่อส่งกลับมาใช้ในประเทศจีน หรือว่าขายในประเทศอื่นๆ
2.ใช้ศักยภาพในอุตสาหกรรมสนับสนุนของประเทศ ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆในอาเซียน ไทยมีความแข็งแกร่งในเรื่องอุตสาหกรรมทำยานยนต์ อุตสาหกรรมไฟฟ้า จีนอาจจะใช้ความได้เปรียบทางด้านความพร้อมในเรื่องอุตสาหกรรมสนับสนุนของไทย เพื่อป้อนตลาดในอาเซียน ในจีน และยุโรปหรืออเมริกา
3.ใช้ความสะดวกจากคมนาคมของประเทศไทย ในการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ในอีกสามปีข้างหน้า ก็คือปี 2015 ไทยก็จะมีตลาดเพิ่มขึ้นในอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดรวมเป็นหนึ่งเดียว เส้นทางคมนาคมของไทยสะดวกในการที่จะติดต่อกับประเทศจีนและประเทศอื่นๆใน AEC ไทยถือว่าเป็นศูนย์กลางของ AEC ก็ว่าได้ อีกอย่างหนึ่ง ในอนาคตก็จะเกิดท่าเรือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นท่าเรือที่จะส่งไปทางด้านตะวันตกหรือตะวันออกก็ตาม ก็ใช้เส้นทางคมนาคมของไทยได้