คุณอภิพงษ์ คุณากรบดินทร์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอ

ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอ: เป็นที่ทราบกันที่ว่า ช่วงนี้รัฐบาลจีนกำลังเร่งการพัฒนากิจการใหม่ๆ โดยเฉพาะจะเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง เทคโนโลยีสารสนเทศรุ่นใหม่ กิจการด้านวัฒนธรรมและสื่อมวลชน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน บริการทางการเงิน และการผลิตยาชีววัตถุ เป็นต้น ท่านคิดว่า วิสาหกิจชั้นยอดของจีนในอนาคตจะเกิดขึ้นในกิจการด้านไหนบ้าง? ประเทศไทยมีแผนจะร่วมการลงทุนในกิจการเหล่านี้บ้างหรือไม่?

คุณอภิพงษ์ คุณากรบดินทร์: สำหรับประเทศไทยเราก็มองเห็นกิจการเหล่านี้เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของเราเหมือนกัน ไทยเองมีประชากรทั้งหมด 67 ล้านคน มีแรงงานทั้งหมด 39 ล้าน สหประชาชาติก็ให้การประเมินว่า ไทยเป็นประเทศที่มีรายได้ในระดับกลาง ก้าวต่อไป เราก็อยากจะร่วมมือกับประเทศอื่นๆในการพัฒนาเรื่องเทคโนโลยี เรื่องของการสื่อสาร เรื่องสารสนเทศ เรื่องทางด้านวัฒนธรรมอะไรต่างๆ ถ้าเราเป็น AEC เราก็ต้องพัฒนาตรงจุดนี้ด้วย เพื่อให้วัฒนธรรมเราสื่อสารกันได้ เรื่องของการประหยัดพลังงานก็จำเป็น เพราะเป็นของจำกัด เรื่องของสิ่งแวดล้อมก็สำคัญ เพราะเราถือว่าการท่องเที่ยวเป็นจุดเด่นของไทย จึงต้องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพลังงานต่างๆพร้อมกัน เพื่อให้เหลือไว้ให้กับชนรุ่นหลัง ส่วนเรื่องของยาและการแพทย์ การพัฒนาในด้านพื้นฐานของมนุษย์นั้น ไทยก็ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ประชาชนได้มีการปรับปรุงหรือการพัฒนาในคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ไทยยินดีจะให้ความร่วมมือหรือการร่วมกันที่จะพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้มากขึ้น

คุณอภิพงษ์ยังกล่าวว่า การไปลงทุนก็มีให้และมีรับทั้งสองอย่าง เพราะฉะนั้น ขณะที่นักลงทุนจีนไปลงทุนในต่างประเทศเพื่อแสวงหาตลาดใหม่หรือวัตถุดิบใหม่ ประเทศที่จีนไปลงทุนเขาก็ยังมีความต้องการที่จะพัฒนาประเทศเขาด้วย ดังนั้น การที่เขาจะให้ตอบแทนมา เขาก็คงต้องได้รับสิ่งที่เขาอยากจะได้ด้วย เพราะฉะนั้น ขอให้วินวิน มันเป็นการลงทุนและการได้รับประโยชน์ทั้งคู่ ดังนั้น ผมเห็นว่า การประชุมครั้งนี้มีประโยชน์ต่อประเทศกำลังพัฒนา จีนเป็นประเทศใหญ่ที่จะเข้าไปใช้ประโยชน์ร่วมกัน