ระหว่างการเจรจา ทั้งสองฝ่ายได้อภิปรายปัญหาต่างๆ อาทิ เช่น การเปิดประตูเพื่อการแลกเปลี่ยน การผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดทางทหารระหว่างสองฝ่าย ตลอดจนการเชิญผู้สังเกตการณ์และองค์การสักขีพยานนานาชาติเข้าร่วมการเจรจาครั้งต่อไป เป็นต้น นอกจากนั้น เคไอโอยังแสดงความคิดเห็นว่า จะหารือกับคณะกรรมการสหพันธ์ชนเผ่าหรือ ยูเอ็นเอฟซี ก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ แล้วค่อยดำเนินการเจรจากับรัฐบาลต่อไป ยูเอ็นเอฟซี เป็นองค์การที่ประกอบด้วยกองกำลังอาวุธชนเผ่าน้อย 11 ชนเผ่าของเมียนมาร์ ซึ่งเคไอโอก็เป็นสมาชิกขององค์การนี้
นายอูื อ่อง มิน รัฐมนตรีทำเนียบประธานาธิบดีเมียนมาร์ ผู้รับผิดชอบสำคัญของการเจรจาสันติภาพและพลตรีกวม มาว รองเสนาธิการใหญ่ขององค์การเอกราชคะฉิ่นได้นำคณะผู้แทนเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพ นอกจากนั้น นายหลัว จ้าวฮุย ทูตพิเศษกระทรวงการต่างประเทศจีน อธิบดีกรมเอเชีย พลเอกซาว มู ตู ไซ โป ประธานสหภาพชนเผ่าคะเรนหรือกะเหรี่ยง และนายปา โด ซาว กะเวล ตู วิน เลขาธิการใหญ่สหภาพชนเผ่าคะเรน นายพลจัตวาไซ ลู จากคณะกรรมการฟื้นฟูรัฐฉาน เป็นต้น ได้เข้าร่วมการเจรจาในฐานะเป็นผู้สักขีพยาน ส่วนฝ่ายจีนได้แสดงบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการเจรจาสันติภาพครั้งนี้ นอกจากนั้น กองกำลังอาวุธของรัฐคะเรนและรัฐฉานล้วนได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลแล้ว การเชิญผู้นำของ 2 ชนเผ่าดังกล่าวมาร่วมการประชุมก็มีส่วนช่วยให้การเจรจาดำเนินไปอย่างราบรื่น
รายงานข่าวแจ้งว่า พลตรีกวม มาวเป็นผู้นำอันดับที่ 2 ของกองทหารเอกราชคะฉิ่น เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว การเจรจาสันติภาพได้จัดขึ้นที่เมืองรุ่ยลี่ของยูนนานนั้น เนื่องจากพลตรีกวัม มาวไม่ได้ไปตามการนัดหมาย ทำให้พลโท มิ้น โซ ของหารรัฐบาลพม่าก็ไม่เข้าร่วมเช่นกัน สุดท้าย การเจรจาจึงล้มเหลว เห็นได้ว่า พลตรีกวม มาว เป็นบุคคลตัวหลักของการเจรจาครั้งนี้
แต่ทว่า การเจรจาครั้งนี้ยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงถาวร เพียงแต่รับรองว่าจะดำเนินการเจรจาสันติภาพต่อไปเพื่อสร้างกลไกตรวจสอบการหยุดยิงเท่านั้น รากฐานสำคัญของการบรรลุการหยุดยิงรอบด้านคือต้องบรรลุความปรองดองแห่งชนชาติในเมียนมาร์
(Ying/Lin)