นอกจากประเด็นเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหามลพิษเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญในการประชุมครั้งนี้ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนประกาศสงครามกำจัดมลพิษ โดยกล่าวว่า รัฐบาลกำลังหาทางคลี่คลายความวิตกของประชาชนหลายๆเรื่อง ตั้งแต่หมอกควันจนถึงความปลอดภัยของอาหาร 30 ปีมานี้ จีนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยมีความเป็นเมือง และการเป็นประเทศอุตสาหกรรมมากขี้น ทำให้เศรษฐกิจและรายได้ของประชาชนขยายตัว แต่สิ่งนี้ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง หลายเมืองในจีนเผชิญกับปัญหามลภาวะต่างๆ เช่น หมอกควันปกคลุม ส่งผลให้ชาวเมืองต้องสวมหน้ากากอนามัย กิจกรรมและกีฬากลางแจ้งหลายอย่างต้องจัดในอาคารแทน ทำให้รัฐบาลต้องประกาศสงครามต่อต้านมลพิษ โดยรัฐบาลจะปิดเตาเผาถ่านหินขนาดเล็ก 50,000 เตาในปีนี้ และทำความสะอาดโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินแห่งใหญ่ รวมทั้งขจัดรถยนต์ที่ปล่อยควันไอเสียในปริมาณสูงออกไปจากท้องถนน พร้อมดำเนินมาตรการควบคุมมลพิษทางน้ำและอนุรักษ์ผืนดิน ตลอดจนฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ ป่าไม้ และทุ่งหญ้า

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนออกแถลงการณ์ว่า จะทุ่มงบประมาณ10,000 ล้านหยวนเป็นรางวัลให้กับพื้นที่หรือเมืองใดก็ตาม ที่มีความคืบหน้าเรื่องการแก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศอย่างเห็นได้ชัด โดยงบประมาณดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การให้เป็นรางวัล มากกว่าการเป็นเงินทุนสำรองเพื่อป้องกันหรือควบคุมมลภาวะทางอากาศ แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า พื้นที่ที่มีปัญหามลภาวะควรควบคุมปริมาณการใช้ถ่านหินในอุตสาหกรรม อีกทั้งควรร่วมกันส่งเสริมการใช้น้ำมันที่มีคุณภาพสูงกับพาหนะชนิดต่างๆ รณรงค์การก่อสร้างอาคารประหยัดพลังงาน และใช้วัสดุหุงต้มที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

อีกประเด็นหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากมวลชนเป็นอย่างมากคือ การกวาดล้างปัญหาทุจริตคอรัปชั่น หลายปีที่ผ่านมานี้ รัฐบาลเผชิญกับความไม่พอใจของประชาชนเกี่ยวกับการรับสินบนและความฟุ่มเฟือยของเจ้าหน้าที่รัฐบางคน นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงกล่าวว่า รัฐบาลมุ่งมั่นต่อต้านการคอรัปชั่น และให้คำมั่นว่า จะเดินหน้าประหยัดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล เพื่อเรียกความไว้วางใจจากประชาชน

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้สั่งระงับการก่อสร้างอาคารรัฐบาลแห่งใหม่ เป็นเวลา 5 ปี นอกจากนี้ ปีที่แล้ว ผู้นำชุดใหม่ของจีนได้ออกมาตรการควบคุมการติดสินบน งดการให้ของขวัญราคาแพง ตลอดจนการจัดงานเลี้ยงที่หรูหรา และการใช้จ่ายที่เปล่าประโยชน์ของรัฐบาล รวมทั้งเรียกร้องให้ข้าราชการทุกคนใช้งบประมาณอย่างประหยัด และกล่าวว่า งบประมาณควรถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์ของคนธรรมดาทั่วไปมากกว่า

รัฐบาลยืนยันที่จะสร้างความโปร่งใสเกี่ยวกับการใช้จ่ายของรัฐบาล จะบังคับใช้ระบบบัญชีที่เข้มงวด เพื่อปกป้องเงินทุนสาธารณะ อีกทั้งจะกำหนดแนวทางตรวจสอบบัญชี และกำกับดูแลเงินทุนสาธารณะทรัพย์สิน และทรัพยากรของรัฐทั้งหมดอย่างเข้มงวดมากขึ้น

นักวิเคระห์ชี้ว่า ระบบกำกับดูแลที่เข้มงวดรอบด้าน และมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญในการต่อสู้กับการคอร์รัปชั่น นอกจากนี้ ยังต้องเร่งพัฒนาระบบตรวจสอบทางวินัย ตลอดจนระบบการร่วมสอดส่องดูแลของสาธารณชน

สื่อมวลชนทั้งภายในและต่างประเทศชี้ว่า เห็นได้ชัดว่า รัฐบาลจีนกำลังใช้ความพยายามในทุกวิถีทาง เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ อันเกิดจากโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม ยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพของการพัฒนา และจะทำให้รายได้ของประชาชนกับการพัฒนาเศรษฐกิจเติบโตพร้อมกัน เสริมสร้างระบบประกันสังคม ส่งเสริมความเสมอภาคของสังคม โดยเฉพาะความเสมอภาคด้านการศึกษา การหางานทำและการก่อร่างสร้างตัว เพื่อส่งเสริมให้สังคมจีนก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง