กาสะลองส่องจีน ตอน 4.2 : ทหารหนุ่มไทยใจกว้าง กับการใช้สื่อใหม่สร้างกองทัพผู้ประกอบการไทยลุยตลาดจีน : ร.ท. อภิธัช เสาะการ
  2014-12-26 16:20:50  cri

ในวันสัมภาษณ์ ผมนัดหมายกับพี่แมนที่รถไฟฟ้าใต้ดินสถานี Olympic Green ครับ คือหากใครเคยมาปักกิ่งจะรู้เลยว่ารถไฟใต้ดินที่นี่มันยั้วเยี้ยเต็มไปหมด จนอดคิดไม่ได้ว่าตัวเราเองนี่คล้ายกับตัวตุ่นเหมือนกันนะ ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ตรงนั้นทีตรงนี้ที ตลกดีเหมือนกัน จากที่พักใกล้สุสานทางตะวันตก ไปยังจุดนัดพับที่อยู่เยื้อง ๆ ไปทางเหนือก็เล่นใช้เวลาพอสมควร ผมไปถึงสายจากเวลานัด 15 นาที ในใจก็คิดแล้วว่าเราจะโดนด่าไหมหว่า พี่เขาเป็นทหารนะเว้ย โหดแน่ ๆ เสียงเพลงสมัยเรียนรด. ตอนมัธยมปลายถูกปลุกขึ้นอีกครั้งท่ามกลางแรงลมหนาวที่ปะทะร่างจนอยากร้องขอชีวิต "...อีก 5 นาทีรวม จับคนช้า 1 นาย ๆ ๆ ..." ใช่ครับ มันยังดังไม่หยุด ผมรีบวิ่งขึ้นไปจนไปหยุดยืนอยู่นิ่งตรงทางออก ทันใดนั้นเองก็เจอบุคคลที่มีรูปพรรณสัณฐานตรงตามที่เคยเห็นในภาพ พี่เขากำลังหิ้วถูกช้อปปิ้งเดินขนาบคู่มากับแฟนสาวอย่างช้า ๆ เอ่ออออ.... เสียงกาบินผ่านศรีษะ ก๊า ก๊า ก๊า... นี่เราคิดไปไกลมากจริง ๆ แต่เอาเถอะ อย่างน้อยชั่วขณะนั้นผมก็คิดคำถามอีกข้อหนึ่งออกว่าจะถามพี่เขาว่าอะไรดี

 

 

การเป็นทหารสอนอะไรในการทำธุรกิจ?

 "...อันดับแรกที่เราได้มาคือความอดทน ถึงแม้บางอย่างมันไม่เป็นไปตามคิด ยิ่งวันที่เราล้ม เราก็ยิ่งต้องทน ตอนเรียนทหารมันจะมีคลาสที่ฝึกความกดดันเราทุกรูปแบบ ทนหิว ทนร้อน ปล่อยให้เราโกรธ พอเราเจออะไรเข้าจริง ๆ ในธุรกิจ มันเลยทำให้เรากลายมาเป็นคนคิดบวก คิดอยู่เสมอว่ามันจะต้องมีอะไรดี ๆ เข้ามา เราจำคำสอนจากอาจารย์ได้ประโยคหนึ่งคือ -- ความเหนื่อยมันไม่ทำให้เราตายหรอก คุณแค่อาบน้ำใหม่อีกทีก็หายแล้ว -- ผมก็กลับมาคิดเล่น ๆ เออจริงของอาจารย์ ถ้าคุณเครียด กลับไปอาบน้ำที่บ้านสิ เดี๋ยวก็หายแล้ว"

อีกเรื่องหนึ่งคือระเบียบวินัย ตอนเรียนทหารเขาฝึกเรื่องเวลาเป็นวินาทีที่ต้องใช้ในแต่ละด้าน ตั้งแต่คุยมาจะเห็นว่าผมทำหลายอย่างเลยใช่ไหม มันก็ต้องคิดต้องจัดเวลาว่าจะต้องทำยังไงให้มันไปด้วยกันได้ ทั้งเรียน ส่งเปเปอร์ บินไปดีลงาน คิดไว้ในใจเสมอว่าฉันวางแผนต้องเสร็จช่วงนี้ มันก็ต้องเสร็จช่วงนี้ ตรงนี้แหละที่มันสั่งให้เราควบคุมเวลาได้ดี"

มีการตั้งกรุ๊ปในสื่อออนไลน์ สอนคนไทยสามารถค้าขายได้ในประเทศจีนโดยไม่คิดเงิน?

"หลังจากที่เจ็บมาเยอะ (หัวเราะ) ทั้งการทำธุรกิจไทย-จีน จีน-ไทย ช่วงต้นปีที่ผ่านมามันมีคนเข้ามาถามทุกวันเลยว่าจะทำอย่างนั้นดีไหม อย่างนี้โอเคหรือเปล่า ส่งของไปจีนทำยังไง ทำธุรกิจรับสินค้ามาขายที่ไทยล่ะ คำถามมันเยอะขึ้นเรื่อย ๆ พรั่งพรูออกมา บางทีเราก็ไม่ได้อยากคิดเงินเขา ก็ช่วยเขาไป เราคิดว่าถ้าทำอะไรที่เป็นศูนย์กลางเนี่ย มันน่าจะช่วยได้มากกว่าช่วยทีละคน ก็เลยคิดว่าถ้าอย่างนั้นก็ตั้งกลุ่มขึ้นมาเผยแพร่ความรู้แบบฟรี ๆ ไปเลย ไทย-จีน จีน-ไทยเนี่ยแหละ แล้วเอาความรู้ที่เราสั่งสมมาหลาย ๆ ปีไปช่วยคนอื่น ช่วงแรกเราก็เริ่มจากไทยไปจีนก่อน เพราะจากจีนมาไทยเราเดาว่าคนทั่วไปน่าจะรู้บ้างแล้ว แต่ที่กลับกันไทยไปจีนมันยังใหม่ และที่รู้คือพวกองค์กรใหญ่ ๆ ที่เขามาตีตลาดที่จีน พวกนี้เขาไม่จำเป็นต้องมาขอความรู้เราแล้ว ก็เลยจัดตั้งกลุ่ม Thai to China ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนที่ทำธุรกิจ SME ที่โตในระดับหนึ่งและอยากส่งออกไปจีน เราอยากให้กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ใครมีอะไรก็เข้ามาศึกษา มาแบ่งปัน มาแลกเปลี่ยน แล้วเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมถ่ายทอดความคิดไว้ในนี้ อีกสาเหตุหนึ่ง เคยเป็นไหมเวลาค้นหาไปเรื่อย ๆ แล้วมันเกิดคำถาม ทีนี้เราก็ไม่รู้จะถามใคร พวกเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลการค้าการลงทุนต่าง ๆ มันไม่สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ บางทีทิ้งคำถามไว้เป็นเดือน ๆ ถึงจะได้คำตอบ ก็เลยคิดจัดตั้งตรงนี้ขึ้นมาแล้วถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเองไป ช่วงแรก ๆ ก็จะมีบทเรียนให้เขาอ่านก่อน ให้เขาเริ่มไปตามสเต็ป ตรงนี้มันก็จะช่วยเราเองด้วยในการสโคปคำถามที่ถามเข้ามาให้มันมีจำนวนน้อยลง"

 

 

แนวโน้มความนิยมไทยในประเทศจีนปี 2015 จะเป็นอย่างไร?

"จากที่ได้ยินมาแล้วตัวเองก็พอจะเห็นทิศทางนะ เรามองว่าตอนนี้รัฐบาลไทยเองก็กำลังปั้นให้เป็นกระแสนิยมในจีนอยู่คือ อาหารไทย ดาราไทยสื่อบันเทิง และ การซื้อขายทางอินเตอร์เน็ต (E-commerce) โดยพยายามที่จะให้ทั้ง 3 อย่างนี้มันผสมผสานกันไป หากมีโครงการอะไรเข้ามา ทางรัฐบาลไทยก็จะดันสามโครงการนี้เป็นหลัก สำหรับปีหน้าที่สุด ๆ จริง ๆ จะอยู่ที่ดาราไทย และ E-commerce เพราะอาหารไทยเป็นกระแสมาได้สักพักแล้ว ถ้าอยากจะให้มันเป็นกระแสอยู่อาจจะต้องแปรรูปพวกอาหารไทยไปเป็นของกินเล่นมากกว่า เหมือนเป็นการผสมสิ่งที่คนจีนรู้จักอยู่แล้วมาต่อยอด ไม่ใช่แบบเดิม ๆ อีกทางหนึ่งคือการค้าในโลกไซเบอร์ เรามองว่าคนไทยสามารถเข้ามาทำธุรกิจที่จีนได้โดยที่คนจีนไม่จำเป็นต้องมาซื้อถึงหน้าบ้านและรับของเราไป ถ้าเราเอาช่องทาง E-commerce คนจีนจริง ๆ ไปให้คนไทยรู้จักเช่นพวก เถาเป่า ทีมอลล์ ให้คนไทยสามารถไปเปิดใช้เองได้ อย่างที่ในกรุ๊ปก็กำลังสอนเรื่องพวกนี้อยู่เหมือนกัน เพราะคนไทยส่วนใหญ่มาก ๆ เลยรู้จักแต่ อเมซอน อีเบย์ อาลีบาบา ซึ่งไม่ใช่ฐานของคนจีนจริง ๆ..."

ความคิดแบบไหนกันที่ผลักดันให้เรามาอยู่ในจุดนี้ได้?

"ง่าย ๆ คือชอบเป็นคนคิดบวก เป็นคนคิดว่าจะเห็นความเลวร้ายน้อยที่สุด คิดว่ามันต้องมีทาง เป็นคนไม่ค่อยยอมแพ้ ไม่ค่อยคิดว่ามันจะจบ มันต้องมีทางต่อ จะทางไหนมันก็ต้องไปให้ได้ ถ้ามันจะตันก็ต้องหาตัวช่วยจนไปต่อให้ได้ เราเป็นคนที่มีความพยายามต่อทุกอย่าง อะไรไม่เป็นก็จะเป็นให้ได้ ไม่หยุด ยกตัวอย่างเรื่องภาษาจีน เชื่อไหมเราไม่เคยสอบวัดระดับทางภาษา HSK ไม่มีเลเวลอะไรทั้งนั้น แต่ก็ยังสามารถดีลธุรกิจกับคนจีนได้ ถ้ามันจะไม่ได้มันก็ต้องหาตัวช่วย เราแก้ปัญหาด้วยการรู้ในสิ่งที่เราใช้ รู้เป้าหมายก็เพียงพอแล้วสำหรับเรานะ สำหรับบางคนอาจจะตั้งความหวังว่าสักวันฉันจะต้องประสบความสำเร็จ แต่อาจจะตอบตัวเองไม่ได้ว่าอะไรจะทำให้ไปถึงตรงนั้น หากเป็นเรา เราจะตอบตัวเองให้ได้ ให้มันจบเป็นเรื่อง ๆ ไป อย่างพรุ่งนี้ต้องดีลกับคนจีน เราก็จะเอาละ จะเริ่มไปศึกษาเขาแล้วว่าต้องพูดยังไง เจาะถึงขั้นไหน ใช้ระดับภาษายังไงดี แค่นี้แหละสำหรับเรา เรามองว่าไม่จำเป็นเท่าไหร่ที่ต้องไปรู้แบบศัพท์ที่มันอยู่นอกเรื่องหรือไปเรียนให้มันเกินจำเป็น เพราะเราทำเยอะไปหมดไม่ได้ คือเราทำเยอะอยู่แล้ว (ถึงตรงนี้ผมหลุดขำก๊ากเลยในใจ จริงครับพี่ พี่ทำเยอะอยู่แล้วครับ...) เรารู้ในจุดที่ธุรกิจมันโตได้ก็พอ"

"สรุปก็คือให้รู้เป้าหมายที่ตัวเองพอใจ โฟกัสมันให้ไปถึงตรงนั้น เป้าหมายคุณไม่ใช่เป้าหมายคนอื่น ค้นหาตัวเองให้เจอ แล้วทำมันให้ได้ "

 

คนไทยควรรู้อะไรก่อนมาทำธุรกิจที่นี่

"วิถีชีวิตคนจีนเลย อันนี้สำคัญจำเป็นต้องรู้ อีกอันที่ขาดไม่ได้คือ พาร์ทเนอร์คนจีน คุณต้องหาคอนเนคชั่นให้ได้ เพราะคนไทยกับคนจีน ถ้ามองลึก ๆ การใช้ชีวิตเราไม่เหมือนกัน ถ้าอยู่ ๆ มาเองมันจะจอดแบบผม (หัวเราะ) ผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จที่นี่บอกผมเสมอ ให้หาแฟนคนจีน สังเกตสิ บริษัทใหญ่ ๆ จะมีแฟนคนจีน เขาจะไปเร็ว ไม่เหมือนบ้านเราที่ลุยได้ เมืองจีนเมืองหนึ่งก็เหมือนประเทศหนึ่งเลย คุณต้องคิดด้วยว่าจะเริ่มที่เมืองไหน ไม่ใช่ว่าคำถามแรกคือเริ่มที่ประเทศจีน มันกว้างไป ให้สโคปไปเป็นเมือง ๆ เช่นปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เพราะแต่ละที่เขาก็มีรัฐบาล มีคน มีพาร์ทเนอร์เป็นของตัวเอง แบบนี้ก็จะทำให้การเริ่มต้นที่นี่มันมีทิศทางและพอจะทำต่อไปได้"

จากการพูดคุยในวันนั้นที่กินเวลานานเกือบ 3 ชั่วโมง ด้วยความมุ่งมั่น และความพยายามของทหารหนุ่มนายนี้ ผมเชื่อลึก ๆ ว่าการกระทำของตัวเขาเองที่ช่วยเหลือให้คนไทยได้มีโอกาสมาทำการค้าที่จีน จะทำให้เขาประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก สำหรับผม ประเทศจีนเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งด้านการค้าและการลงทุนในอนาคตอันใกล้ โอกาสยักษ์ที่เพิ่งหล่นลงมาเป็นของขวัญส่งท้ายปีที่ประเทศไทย กับการลงนามในข้อตลงร่วมสร้างทางรถไฟไทย-จีน จะเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เราสามารถขนส่งสินค้าได้สะดวกมากยิ่งขึ้น คงเหลือแต่คุณผู้อ่านแล้วล่ะครับว่าจะเริ่มลงมือหรือยัง สุขสันต์วันปีใหม่ครับ

กาสะลองส่องจีน สัปดาห์หน้า : หนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังการผลักดันทุนการศึกษารัฐบาลจีน ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในประเทศไทย : ภากร กัทชลี

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
泰国
v กาสะลองส่องจีน ตอน 4.1 : ทหารหนุ่มไทยใจกว้าง กับการใช้สื่อใหม่สร้างกองทัพผู้ประกอบการไทยลุยตลาดจีน : ร.ท. อภิธัช เสาะการ 2014-12-20 14:03:40
v กาสะลองส่องจีน ตอน 3 : จากข้าราชการกระทรวงไอซีทีไทย สู่นักศึกษาทุนปริญญาโท กรุงปักกิ่ง : นพคุณ สุนทรหงส์ 2014-12-12 16:15:01
v กาสะลองส่องจีน ตอน 2.2 : จากนักเรียนโอลิมปิกวิชาการคอมพิวเตอร์ สู่ว่าที่ดอกเตอร์ผู้บุกเบิกวงการ "พระเครื่องไทยในแผ่นดินจีน" : ภัณฑิล จงจิตรตระกูล 2014-12-05 19:09:36
v กาสะลองส่องจีน ตอน 2.1 : จากนักเรียนโอลิมปิกวิชาการคอมพิวเตอร์ สู่ว่าที่ดอกเตอร์ผู้บุกเบิกวงการ "พระเครื่องไทยในแผ่นดินจีน" : ภัณฑิล จงจิตรตระกูล 2014-11-28 18:08:39
v กาสะลอง ส่องจีน (ปฐมบท) ตอนที่ 1.2 จากความเชื่อในเรื่องของกฎแห่งการแลกเปลี่ยนสู่ความฝันที่อยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ : แนน จิรนันท์ อมรประดิษฐ์กุล 2014-11-21 14:18:37
v กาสะลองส่องจีน(ปฐมบท) ตอนที่ 1.1:การแลกเปลี่ยน ชีวิต ธุรกิจ:แนน จิรนันท์ อมรประดิษฐ์กุล 2014-11-07 14:19:12
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040