สิ่งที่ถูกเรียกว่าเป็นความเคยชินก็คงจะเป็นการกระทำที่ได้ทำบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน แต่ไม่ใช่ว่าอะไรที่เป็นความเคยชินจะถูกต้องทุกอย่าง ความเคยชินบางอย่างจะเป็นผลร้ายต่อสุขภาพ วันนี้เราสองคนขอเล่าถึงความเคยชินที่ไม่ควรทำในชีวิตประจำวันมาให้ท่านผู้ฟังทราบ เพื่อหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขความเคยชินที่ไม่ถูกต้องเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน
ประการแรกคือ ดื่มน้ำไม่พอ การดื่มน้ำไม่พอเป็นเวลานานจะทำให้สมองเสื่อม เป็นต้นเหตุก่อให้เกิดโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับโลหิต และยังส่งผลกระทบต่อไตด้วย อาจจะทำให้อายุสั้นลง ฉะนั้น วิธีที่ดีต่อร่างกายก็คือ ดื่มน้ำที่เพียงพอในทุกวัน
ส่วนควรดื่มน้ำเป็นจำนวนเท่าไหร่จึงจะเหมาะกับร่างกายเรา ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนการสรุบว่า คนทั่วไปแต่ละวันต้องการน้ำ 1.5-2 ลิตร ซึ่งเท่ากับน้ำแก้วละ 200 มิลลิลิตร 8 แก้ว
ความเคยชินที่ไม่ถูกต้องอย่างที่สองคือ ไม่ทานอาหารเช้า การไม่ทานอาหารเช้าจะเป็นผลร้ายต่อกระเพาะ ทำต่อเนื่องเป็นเวลานานจะเกิดโรคกระเพาะ นอกจากนี้ คนที่ไม่ทานอาหารเช้าจะดูทรุดโทรมแก่กว่าคนที่ทานอาหารเช้า
นักวิจัยมหาวิทยาลัยเยอรมนีได้ประกาศข้อมูลวิจัยหลังจากติดตามพฤติกรรมของคนกลุ่มหนึ่งจำนวน 7,000 คนเป็นเวลานานพบว่า ในคนกลุ่มนี้มีร้อยละ 40 ไม่ทานอาหารเช้า ซึ่งพวกเขาจะมีอายุเฉลี่ยสั้นกว่าคนกลุ่มร้อยละ 60 ที่ทานอาหารเช้า 2.5 ปี นอกจากนี้ นักวิจัยมหาวิทยาลัยสหรัฐฯ แห่งหนึ่งพบในการวิจัยคนชราวัย 80-90 ว่า สิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่งของคนชราที่มีอายุยืนก็คือทานอาหารเช้าที่อุดมสมบูรณ์ทุกวัน
ความเคยชินที่ง่ายต่อการทำให้เรารู้สึกว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องอย่างที่ 3 ก็คือ ทานอาหารตอนเย็นมากเกินไป ตอนเย็นเป็นช่วงเวลาที่ปริมาณอินซูลินในเลือดมากที่สุดในทั้งวัน อินซูลินเป็นสารที่ทำให้น้ำตาลในเลือดกลายเป็นไขมันก่อติดบนผนังโลหิตและผนังช่องท้อง ถ้าทุกเย็นทานอาหารเย็นมากเกินไป จะทำให้อ้วนขึ้นเรื่อยๆ และในขณะเดียวกัน การกินอาหารตอนเย็นมากเกินไปต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน จะทำลายตารางเวลาที่เป็นปกติของร่างกาย อาจจะทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ
ฉะนั้น การกระทำที่ถูกต้องคือไม่ควรทานอาหารตอนเย็นดึกเกินไป และควรกินผักให้เยอะ ลดปริมาณอาหารที่มีโปรตีนและไขมันสูง แล้วอาหารตอนเย็นควรกินน้อยหน่อย ปริมาณพลังงานที่ได้รับจากอาหาเย็นไม่ควรมากกว่าร้อยละ 30 ของปริมาณพลังงานจากอาหารที่ควรได้รับตลอดทั้งวัน