ภูเขาหัวซาน :
ภูดอยมหัศจรรย์อันดับหนึ่งในปฐพี

       เขาหัวซานตั้งอยู่ด้านใต้ของตัวเมืองอำเภอหัวยินมณฑล
ส่านซีประเทศจีน ห่างจากนครซีอาน 100 กิโลเมตร ภูเขาลูก
นี้สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,997 เมตร     ประกอบด้วยหินแกรนิต
ก้อนมหึมาทั้งก้อน    เป็นชัยภูมิเสมือนประตูของภาคตะวันตก
เฉียงเหนือที่จะเข้าออกภาคกลางของจีน

          เขาหัวซานมียอดเขา 5 ยอด ยอดเขาตะวันออกชื่อฉาว
หยาง (อาทิตย์อุทัย) ยอดเขาใต้ชื่อลั่วแย่น (ห่านฟ้าลง) ยอด
เขาตะวันตกชื่อเหลียนฮัว (ดอกบัว) ยอดเขาเหนือชื่อหวู่หยุน
(เมฆทั้งห้า) ยอดเขากลางชื่อยวี่หนี่ (สาวหยก) เนื่องจากด้าน
ตะวันออก ใต้ ตะวันตกเป็นหน้าผาสูงชันทั้ง    3 ด้าน มีเพียง
ยอดเขาหลักด้านเดียวเท่านั้นที่ลาดเอียงไปทางเหนือเบิกทาง
สำหรับขึ้นเขาหัวซาน ดังนั้นจึงมีสำนวนว่า “ทางขึ้นหัวซานมี
แค่่ทางเดียวแต่โบราณ”
             เขาหัวซานเป็นแหล่งกำเนิดวัฒนธรรมประชาชาติจีนแห่ง
หนึ่ง นายจาง    ท่ายแหยน    นักวิชาการชื่อดังยุคใกล้ของจีนได้
พบหลักฐานว่า คำ “จงหัว” “หัวเซี่ย” ที่แปลว่าประชาชาติจีนต่าง
ได้มาจากชื่อเขาหัวซาน    ภูเขาแห่งนี้ยังมีร่องรอยของบุคคลชื่อ
ดังมากมาย    และมีนิทานกับโบราณสถานเป็นอันมากเช่นเดียว
กัน    ตั้งแต่สมัยราชวงศ์สุยและราชวงศ์ถังเป็นต้นมา บรรดาบัณ-
ทิตต่างได้แต่งกลอน    ข้อความศิลาจารึกและบทนิราศทัศนาจร

ฯลฯ ที่ชื่นชมเขาหัวซานไม่น้อยกว่าพันบท มีตัวหนังสือที่สลัก
ณ หน้าผามากถึงนับพันแห่ง
            เขาหัวซานก็เป็นจุดชมอาทิตย์อุทัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง จุด
ชมอาทิตย์ที่สวยที่สุดของหัวซานอยู่ที่แท่นฉาวหยางของยอด
เขาตะวันออก (ยอดเขาอาทิตย์อุทัย) เขาหัวซานมีเขตทัศนียภาพ
ชื่อดังกว่า 210 แห่ง เช่น ทางเลาะภูเขากึ่งสะพานริมฟ้า ชะง่อน
หินยื่นออกหน้าผาดั่งเหยี่ยวตีลังกากลางเวหา ตลอดจนธวัชหิน
พันฟุต โกรกร้อยฟุต ซึ่งขุดเจาะตามหน้าผาที่สูงชัน
      ช่วงเวลาท่องเที่ยวทัศนศึกษาที่ดีที่สุดของเขาหัวซานคือ
ระหว่างเดือนเมษายนถึงตุลาคมของทุกปี ที่เขาหัวซาน เราจะ
ได้สัมผัสดอกไม้ป่าในฤดูใบไม้ผลิ          ชมทะเลเมฆในฤดูร้อน
ชื่นชมใบเมเปิลสีแดงในฤดูใบไม้ร่วง    ส่วนทิวทัศน์หิมะในฤดู
หนาวยิ่งใหญ่เกรียงไกรมาก    ขณะเดียวกันก็ต้องเตือนท่านว่า
เนื่องจากทางขึ้นเขาหัวซานคดเคี้ยวสูงชัน    ดังนั้น เวลาปีนขึ้น
เขาจักต้องระมัดระวังให้มาก

ต้นไม้ต้นเดียวประกอบเป็นป่าดง

             เนื่องจากภาคใต้และตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลยูนนาน
มีระดับความสูงค่อนข้างต่ำ ปริมาณฝนชุกชุม จึงมีต้นไทรขนาด
ใหญ่ขึ้นบนพื้นที่แถบนี้เป็นอันมาก    และก่อเกิดเป็นทัศนียภาพ
ของต้นไม้ต้นเดียวแต่ประกอบขึ้นเป็นป่าดง ชาวบ้านในท้องถิ่น
ต่างถือว่าต้นไทรเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์แห่งศิริมงคล สวัสดิภาพ
และความผาสุก ทั้งยังนับถือว่าเป็น    “ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์” ด้วย

         ก้าวเข้าสู่เมืองมาว (ยุ่ยลี่) จะเห็น
ต้นไทรที่มีรากอากาศห้อยย้อยรัดร้อย
พัลวัลกระจายอยู่ทั่วเมือง โดยเฉพาะต้น
ไทรใหญ่ในหมู่บ้านดิ่งจะพิสดารกว่าต้น
ไทรอื่น ๆ ซึ่งได้กลายเป็นทัศนียภาพอัน
โดดเด่นสุดยอดสำหรับต้อนรับแขกของ
ชาวเมืองมาว    กลุ่มต้นไทรใหญ่ในหมู่
บ้านดิ่งมีประวัติถึงปัจจุบัน    500 กว่าปี
แล้ว ซึ่งประกอบด้วยต้นไทร 3 ต้นที่เกาะ
เก่ียวกันเป็นกลุ่ม    ต้นใหญ่ที่สุดสูง 36
เมตร          ยอดไม้ครอบคลุมพื้นที่ 0.8
เฮกตาร์ส่วนต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 576
เซนติเมตร รากย้อยที่อวบใหญ่เสมือนงู
หลามตัวโต ชอนไชลงไปในดินเหมือนจะ
ดูดซับสารอาหารในดินให้หมดเกลี้ยง กิ่ง
ไม้ที่คดงอกับรากย้อยที่ตรงดิ่งประกอบ
เป็นโพรงเสมือนระเบียงตำหนัก ซึ่งแลดู
ยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา ยอดไม้ที่ใหญ่ทึบบัง
แดดอย่างมิดชิด เสมือนดั่งร่มขนาดยักษ์
ที่กางระหว่างฟ้ากับดิน       เมื่อยืนอยู่ใต้
ต้นไทรอันเก่าแก่ มองเห็นแต่    “ป่าดง”
เป็นพืด     คุณจะอุทานในปาฏิหาริย์ของ

ธรรมชาติและความกระจิดริดของมนุษย์
         ต้นไทรใบใหญ่ที่อยู่ริมบ้านช้างเขตการค้าชายแดนตำบล
ท่าล่อสิบสองพันนา ลำต้นสูง 70    กว่าเมตร ยอดไม้กว้าง 120
ตารางเมตร รากอากาศ 32    รากชอนเข้าไปในดิน ประกอบเป็น
ป่าดง เป็นทิวทัศน์อัศจรรย์อย่างหนึ่งของป่าชื้นโซนร้อน ซึ่งได้
ทำลายสุภาษิตที่ว่า “ไม้เดี่ยวไม่อาจเป็นป่า”    ต้นไทรดังกล่าว
มีรูปทรงแปลก สวยงามยิ่งใหญ่ เท่าที่สำรวจปรากฏว่า    มีอายุ
1,000 กว่าปีแล้ว          ทุกวันนี้ยังมีใบไม้เต็มต้น ซึ่งได้ดึงดูดนัก
ท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศนับร้อยนับพันคนไปชมและ
ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกทุกวัน
          ต้นไทรในฐานะทิวทัศน์อย่างหนึ่งในเขตป่ากึ่งโซนร้อนจะ
พบได้ทั่วไป ณ          ทุ่งนู่เจียงป้าลุ่มแม่น้ำสาละวินตอนบนนคร
ป่าวซาน เราสามารถกล่าวได้อย่างไม่โอ้อวดว่า ทุ่งนู่เจียงป้าก็
คือโลกแห่งต้นไทรนั่งเอง    บนพื้นที่ที่แม่น้ำนู่เจียง    (สาละวิน)
ไหลผ่านนี้    เต็มไปด้วยต้นไทรเป็นสุมทุมพุ่มไม้    กลุ่มต้นไทร
ที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียก็อยู่ที่นั่น     ในกลุ่มต้นไทรใหญ่ 10 กลุ่ม
ของทุ่งนู่เจียงป้า    ต้นไทรแต่ละต้นล้วนแล้วมีนิทานหรือคำบอก
เล่าของตนเองทั้งสิ้น
               แต่ไหนแต่ไรมา ร่มไทรที่มีใบไม้หนาทึบทำให้ผู้คนที่

อาศัยอยู่ในหุบเขาร้อนผ่าวมีที่พักผ่อนหลบแดด    พวกเขาร้อง
รำทำเพลง พลอดรัก......ที่ใต้ต้นไทร    ภายใต้ความร่มเย็นของ
ต้นไทรที่เขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำ คือชีวิตประจำวันของชาวบ้าน ชาว
บ้านมีความใกล้ชิดและจิตใจเลื่อมใสต่อต้นไทร
         สำหรับชาวไทที่มีความศรัทธาเลื่อมใสธรรมชาติ ต้นไทร
เป็น “พรรณไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์”    ของพวกเขา ใต้ร่มไทร
เป็นทั้งสถานที่ให้ความร่มเย็น         สันติสุขแก่ชาวไท และเป็น
สถานที่สถิตของเทพเจ้า ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับเทพเปรียบ
เสมือนความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติกับคน      การเคารพนับถือ
“พรรณไม้ศักดิ์สิทธิ์” ก็คือการเคารพนับถือธรรมชาติ