หากเพื่อนๆ ยังจำกันได้ แนนได้เขียนถึงมหาวิทยาลัยปักกิ่งไปแล้วครั้งหนึ่งในบทความเรื่อง มหาวิทยาลัยในฝัน และได้ให้สัญญากับเพื่อนๆ ไว้ว่า ถ้ามีโอกาส แนนจะแนะนำมหาวิทยาลัยแห่งนี้ให้เพื่อนๆ รู้จักกันอีกครั้งโดยละเอียด ในวันนี้ แนนก็จะมาพาเพื่อนๆ ชมมหาวิทยาลัยปักกิ่งกันตามที่ได้ให้สัญญาไว้ค่ะ ก่อนอื่น เรามารู้จักประวัติและสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยปักกิ่งกันก่อนนะคะ
มหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นมหาวิทยาลัยสหสาขาวิชาขนาดใหญ่ มีวิทยาเขตหลัก ที่เรียกว่า เยียนหยวน ตั้งอยู่ใกล้กับถนนวงแหวนรอบที่ 4 ในอำเภอไห่เตี้ยนทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่ง มีพื้นที่ทั้งหมด 2.73 ตารางกิโลเมตร อยู่ใกล้กับ พระราชวังฤดูร้อน และหยวนหมิงหยวน
มหาวิทยาลัยปักกิ่งก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1898 เดิมมีชื่อว่า Imperial Capital University และในปีค.ศ. 1912 ได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อที่ใช้ดังปัจจุบันว่า Peking University มหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศจีนติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี และเป็นศูนย์กลางการวิจัยค้นคว้าแห่งสำคัญของประเทศจีน โดยมีสถาบันวิจัยทั้งหมด 216 แห่ง มีสาขาวิชาสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี 93 สาขา สาขาวิชาสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาโท 199 สาขา และสาขาวิชาสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาเอก 173 สาขา
ตราประจำมหาวิทยาลัยปักกิ่ง
ตราประจำมหาวิทยาลัยปักกิ่งที่เพื่อนๆ เห็นกันข้างบนนี้ ที่ใจกลางมีตัวหนังสือจีน 2 ตัว คือตัวอักษร 北 (อ่านว่า เป่ย ย่อมาจาก เป่ยจิง แปลว่า ปักกิ่ง) กับ 大 (อ่านว่า ต้า ที่ย่อมาจาก ต้าเสวีย แปลว่า มหาวิทยาลัย) รวมกันแล้วคือ เป่ยต้า ซึ่งเป็นชื่อเรียกย่อของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง โดยตัวหนังสือสองตัวนี้ได้รับการออกแบบให้เป็นเหมือนรูปคนสองคนยืนหันหลังให้กัน และอีกคนหนึ่งยืนตรงอยู่ด้านล่าง ผู้ออกแบบตราประจำมหาวิทยาลัยปักกิ่ง คือ หลู่ซวิ่น นักเขียนวรรณกรรมชื่อดังของจีนในยุคต้นศตวรรษที่ 20 ค่ะ
หลังจากได้ทราบข้อมูลคร่าวๆ ของมหาวิทยาลัยกันแล้ว เรามาเริ่มเดินชมมหาวิทยาลัยกันดีกว่าค่ะ ในวันนี้แนนจะเริ่มนำเดินจากจุดท่องเที่ยวสำคัญที่ใครก็ตามที่มาชมมหาวิทยาลัยปักกิ่งจะพลาดกันไม่ได้ นั่นก็คือประตูทิศตะวันตก หรือ
ประตูซีเหมิน ซึ่งเป็นประตูทางเข้าหลักของมหาวิทยาลัยนับแต่อดีตค่ะ
(บน) ประตูทิศตะวันตก (ล่าง) เสาหัวเปี่ยวบนสนามหญ้าหน้าสำนักงานอธิการบดี
ประตูทิศตะวันตกสร้างขึ้นในปี 1926 และได้รับการปรับปรุงในปี 1998 ในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง มีลักษณะเหมือนประตูวังสีแดง และมีสิงโตหินอยู่ประกบอยู่ทั้งสองด้าน ดูน่าเกรงขามมากค่ะ ส่วนป้ายชื่อมหาวิทยาลัยที่ติดอยู่ด้านบนประตูนั้นเป็นตัวอักษรสีทองสี่ตัว เขียนว่า เป่ยจิงต้าเสวีย เป็นลายมือของประธานเหมาเจ๋อตงค่ะ
หลังจากเดินเข้าประตูทิศตะวันตกไปแล้ว หากมองไปข้างหน้าเราก็จะเห็นอาคารหลังหนึ่ง ซึ่งก็คือสำนักงานอธิการบดี ส่วนด้านหน้าของอาคารนั้นเป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่ มีต้นสนและต้นแปะก๊วยปลูกอยู่รอบๆ พอถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบของต้นแปะก๊วยจะเป็นสีเหลืองทอง สวยงามมากค่ะ ดูแล้วรับกันกับ เสาหัวเปี่ยว ที่ตั้งอยู่บนสนามหญ้านี้ ส่วนอาคารฝั่งซ้ายของสนามหญ้าคืออาคารของภาควิชาภาษาต่างประเทศ ซึ่งศูนย์แลกเปลี่ยนวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและวัฒนธรรมไทย-จีน
สิรินธร ก็ตั้งอยู่ที่นี่ค่ะ
หลังจากนั้น เราเดินกันต่อไปทางทิศเหนือ จะพบกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะและโบราณคดี และหากเดินต่อไปอีกนิดจะพบกับ เว่ยหมิงหู หรือ ทะเลสาบไร้นาม ซึ่งเป็นที่พักผ่อนยอดนิยมของนักศึกษาที่นี่ เราจะเห็นนักศึกษาทั้งหลายมานั่งสูดอากาศริมน้ำ หรือมานั่งอ่านหนังสือกัน และเมื่อถึงฤดูหนาวซึ่งอุณหภูมิจะลดลงไปต่ำกว่า -10°C น้ำในทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็ง และใช้เป็นลานสเก็ตได้ค่ะ ส่วนข้างๆ ทะเลสาบจะเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ ชื่อว่า ป๋อหยาถ่า ซึ่งความจริงแล้วเป็นที่เก็บน้ำที่ใช้ในมหาวิทยาลัย แต่เนื่องจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่น เจดีย์นี้จึงนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งในมหาวิทยาลัยค่ะ
จากทะเลสาบไร้นาม เดินลงมาทางทิศใต้ เราจะพบกับอาคารห้องสมุดหลักของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นห้องสมุดประจำมหาวิทยาลัยที่มีหนังสือมากที่สุดในเอเชีย และถัดไปอีกนิดจะเป็น หอประชุมที่สร้างขึ้นในปี 1998 เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 100 ปีของมหาวิทยาลัย ปัจจุบันหอประชุมนี้ใช้เป็นอาคารเอนกประสงค์ เช่น เป็นสถานที่ปฐมนิเทศนักเรียนใหม่ โรงภาพยนตร์ โรงละคร และสถานที่แสดงปาฐกถาของบุคคลสำคัญต่างๆ เช่น อดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน และ บิล เกตต์
(บนซ้าย) ห้องสมุดมหาวิทยาลัยปักกิ่ง (บนขวา) สวนจิ้งหยวน
(ล่าง) ทะเลสาบไร้นาม และ เจดีย์ป๋อหยาถ่า
หากเพื่อนๆ เดินชมมหาวิทยาลัยตามเส้นทางที่แนนบรรยายมาก็คงจะรู้สึกเหนื่อยกันบ้าง เพราะว่ามหาวิทยาลัยปักกิ่งกว้างมากจริงๆ ค่ะ ปกติแล้วอาจารย์และนักศึกษาที่นี่จะใช้จักรยานกันเป็นส่วนใหญ่ และถ้าเพื่อนๆ ต้องการหาที่นั่งพัก แนนขอแนะนำ สวนจิ้งหยวน ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของมหาวิทยาลัยค่ะ สวนนี้ในอดีตเคยเป็นสวนโบราณของราชวงศ์ชิง และล้อมรอบด้วยอาคารรูปทรงโบราณแบบที่เราเห็นในหนังจีนย้อนยุค นั่งอยู่ที่นี่แล้วจึงได้บรรยากาศผ่อนคลายมากเลยค่ะ
แม้ว่ามหาวิทยาลัยปักกิ่งจะไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว แต่ถ้าหากเพื่อนๆ มีเวลาสักนิด แนนขอแนะนำให้มาเดินชมที่นี่กันค่ะ รับรองว่าจะได้ซึมซับทั้งบรรยากาศการเรียนของนักศึกษา และทิวทัศน์อันน่ารื่นรมย์ของมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังได้ชมอาคารรูปทรงเก่าใหม่หลากหลายรูปแบบด้วยค่ะ
แนน