เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า จีนนั้นเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก กว่า 1.3 พันล้านคน และเป็นประเทศเอกภาพที่มีชนชาติหลากหลาย ประกอบด้วยชนชาติทั้งสิ้น 56 ชนเผ่า ชนเผ่าที่มีประชากรมากที่สุดของจีน คือ ชาวฮั่น ซึ่งมีถึง 92% หรือเท่ากับพันล้านคนของทั้งหมด นอกจากนี้ยังมี 4 ชนเผ่าที่มีจำนวนประชากรรองลงมา คือ ชาวจ้วง อยู่ในเขตปกครองตนเองกว่างสี ชาวแมนจู ชาวหุยและม้งตามลำดับ
รูปที่ 1 รูปภาพประกอบคำอธิบายของอาคารต่างๆ ในมัสยิด
สำหรับในปักกิ่งนั้นมีชุมชนชาวหุย ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่โบราณมีอายุยาวนานเป็นร้อยๆ ปี ตั้งอยู่ที่ถนนหนิวเจี่ย (Niújiē) หรือมีอีกชื่อว่า ถนนสายวัว (Ox street) อีกทั้งเป็นที่ตั้งของมัสยิดโบราณมีอายุกว่าพันปี สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 996 และได้รับการทำนุบำรุงครบถ้วนสมบูรณ์ในสมัยราชวงศ์ชิง มีพื้นที่ทั้งหมด 6,000 ตารางเมตร เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมกว่าหนึ่งหมื่นคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ ในปัจจุบันถือเป็นมัสยิดที่เป็นมัสยิดหลักในการประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม เป็นสถานที่รับรองและต้อนรับผู้นำทางศาสนาจากประเทศต่างๆ ด้วย
รูปที่ 2 ชาวหุยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
สถาปัตยกรรมของมัสยิดนี้เป็นการผสมผสานกันระหว่างจีนและอิสลาม สถาปัตยกรรมภายนอกจะเป็นแบบจีน ส่วนภายในจะตกแต่งแบบอิสลาม ตัวอาคารกลางปัจจุบันได้ปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของชาวหุยและศาสนาอิสลามในประเทศจีน อีกทั้งเป็นที่เก็บเอกสารสำคัญทางราชการและศาสนาด้วย ถัดจากพิพิธภัณฑ์ เดินเลาะไปเรื่อยๆ จะพบกับชุดอาคารที่จัดเป็นอาคารสวดมนต์สำหรับผู้หญิง ให้บรรยากาศร่มรื่น ร่มเย็นและสงบ
รูปที่ 3 มัสยิดในอดีต
ถัดจากอาคารนั้น ก็มาถึงในส่วนของหอสวดมนต์กลางที่รายล้อมไปด้วยหลักศิลาจารึกโบราณที่บันทึกความเป็นมาของศาสนาอิสลามในจีน และมีการสร้างอาคารแบบจีนล้อมรอบเพื่อเป็นการเคารพบูชาอีกด้วย ขณะที่เดินเพลินเพลินนั้นเป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้ว จึงมีชาวจีนมุสลิมอยู่โดยรอบเพราะใกล้เวลาสวดมนต์เย็นตามหลักของชาวมุสลิมแล้ว นอกจากนั้นยังเห็นชาวมุสลิมทั้งจากพื้นที่ต่างๆ ของจีนเอง และชาวมุสลิมทั่วโลกเข้ามาเยี่ยมชมอยู่เรื่อยๆ
อาคารที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดของมัสยิดแห่งนี้ คือ หอชมพระจันทร์ เป็นลักษณ์อาคาร 2 ชั้น ความสูงประมาณ 10 เมตร ตามประวัติบอกว่า เป็นหอสำหรับชมพระจันทร์ของผู้นำศาสนาเพื่อคำนวณเวลาในการประกอบพิธี หรือวันเฉลิมฉลองต่างๆ ตามหลักศาสนาอิสลาม จากการเดินเพลินเพลินในศาสนาสถาน มักทำให้เราได้พบกับความสงบและได้ทบทวนสิ่งต่างที่สัมผัสรอบกายอย่างมีสติ มองไม่เห็นช่องว่างของความต่างกันในเรื่องชนชาติหรือศาสนาเลย เพราะทุกคนต่างเข้ามาอย่างสงบและมีสติ ต้อนรับเปิดกว้างให้สำหรับคนทุกเชื้อชาติ ศาสนาเข้ามาเยี่ยมชมศาสนาสถานแห่งนี้
รูปที่ 4 วิถีชีวิตชาวจีนมุสลิมในปัจจุบัน
รัฐบาลจีนดำเนินนโยบายทางชนเผ่าที่ให้ชนเผ่าต่าง ๆ มีความเสมอภาค สมานสามัคคีและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เคารพและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาและขนบธรรมเนียมของชนชาติส่วนน้อยระบบปกครองตนเองในเขตชนชาติส่วนน้อยเป็นระบบการเมืองอันสำคัญอย่างหนึ่งของจีน คือ ให้ท้องที่ที่มีชนชาติส่วนน้อยต่าง ๆ อยู่รวม กันใช้ระบบปกครองตนเอง ตั้งองค์กรปกครองตนเองและใช้สิทธิอำนาจปกครองตนเอง ชนชาติในท้องที่ที่ปกครองตนเองกับประชาชนทั่วประเทศรวมศูนย์กำลังดำเนิน การสร้างสรรค์สังคมนิยมที่ทันสมัย เร่งพัฒนาเศรษฐกิจและวัฒนธรรมในท้องที่ที่ปกครองตนเองให้เร็วขึ้นและสร้างสรรค์ท้องที่ที่ปกครองตนเองของชนชาติส่วนน้อยที่สมานสามัคคีกันและเจริญรุ่งเรือง แตกต่างแต่กลมเกลียวและผสมผสานกัน