เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางการจีนได้รายงานเกี่ยวกับตัวเลขของผู้หญิงต่างชาติที่ถูกล่อลวง ลักพาตัว และลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายนั้นมีจำนวนสูงขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงจากเขตชนบทของเวียดนาม เมียนมาร์ และลาว โดยออกมาหางานทำในจีนหรือมาแต่งงานกับชายจีนเพื่อหลีกหนีความยากจนและเพื่อแสวงหาโอกาสที่ดีกว่าในต่างบ้านต่างเมือง ปัจจุบัน จำนวนผู้หญิงต่างชาติสำหรับการค้ามนุษย์ในจีนนั้น มียอดสูงขึ้นมาก ทางตำรวจได้มีการช่วยเหลือผู้หญิงเหล่านี้มากมายโดยไม่เปิดเผยจำนวน

เมื่อเดือนเมษายน ปี 2009 ตำรวจได้ช่วยเหลือผู้หญิงต่างชาติที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ ถูกล่อลวงมาเป็นเจ้าสาวหรือทาสในเรือนเบี้ยให้กับชายจีนตามชนบท ส่วนใหญ่มาจากเวียดนาม เมียนมาร์ ลาว ไทยและกัมพูชา เนื่องจากพรมแดนธรรมชาติที่กั้นระหว่างประเทศจีนและประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นเอื้อต่อการลักลอบข้ามแดนอย่างง่ายดาย อีกทั้งพวกเธอเหล่านี้ต้องการหนีความยามจนมาแสวงหาชีวิตที่ดีกว่าในจีน จึงทำให้เป็นเหตุผลสนับสนุนหลักที่ยอมตัดสินใจเข้าสู่การค้ามนุษย์

รูปที่ 1 แผนที่ของประเทศจีนและประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง

เหยื่อมักถูกขายต่อให้กับชายชาวจีนในแถบชนบท บางครั้งก็ถูกบังคับให้บริการทางเพศในสถานที่ลักลอบค้าประเวณีตามชายฝั่งทะเลจีนหรือชายแดน เช่น ยูนนาน กว่างตง หรือเขตปกครองตัวเองกว่างสี เป็นต้น ทางผู้อำนวยการสำนักงานการปราบปรามการค้ามนุษย์ กระทรวงความมั่นคงและปลอดภัยของจีนให้ข้อมูลว่า กระบวนการค้ามนุษย์นั้นเป็นอาชญากรรมที่มีเครือข่ายซับซ้อนและมีผลประโยชน์ร่วมกันหลายกลุ่ม แก๊งค์เหล่านี้จะออกไปหาผู้หญิงจากชนบท อายุประมาณ 20-30 ปี และโน้มน้าวใจด้วยข้อเสนอต่างๆ เช่น ค่าตอบแทนสูง มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จัดการหาสามีชาวจีนที่ร่ำรวยเพื่อได้สถานภาพที่ถูกต้องตามกฏหมาย เป็นต้น หลังจากเหยื่อตกลงในข้อเสนอต่างๆ ทางแก๊งค์จะจัดการนำเหยื่อลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฏหมายโดยเดินทางผ่านป่าเขาที่สลับซับซ้อน หรือไม่ก็เดินเลาะแม่น้ำจิน หยู้ลู้ ซึ่งอยู่ในการดูแลของกองตำรวจตรวจคนเข้าประเทศของเขตเตอหง ไต้และเขตปกครองพิเศษจิงโพของยูนนาน

รูปที่ 2

เมื่อเดินทางถึงจุดหมายปลายทางในจีนแล้ว เหยื่อจะถูกส่งต่อให้เครือข่าย เหยื่อจะมีราคาตั้งแต่ 20,000-50,000 หยวน (ประมาณ 100,000-250,000 บาท) ขึ้นอยู่กับรูปร่างหน้าตาและเชื้อชาติ ยกตัวอย่างเหยื่อรายหนึ่ง เป็นหญิงสาวชาวเมียนมาร์ อายุ 22 ปี ถูกขายในราคา 30,000 หยวนที่เมืองเจียงตู มณฑลเจียงซู่ เพื่อมาเป็นเจ้าสาวให้กับชาวท้องถิ่นวัย 28 ปี หลังจากได้รับการช่วยเหลือ เธอได้ให้การกับตำรวจผ่านล่ามว่า เธอไม่สามารถพูดหรือเข้าใจภาษาจีนเลยและไม่มีทางหนีด้วย ระหว่าง 6 เดือนหลังจากการบังคับแต่งงาน สามีของเธอทำร้ายและกระทำรุนแรงทางเพศกับเธออยู่บ่อยครั้ง จนในที่สุด เพื่อนบ้านได้ช่วยเธอหนีและนำเธอไปแจ้งความกับตำรวจ เธอได้ถูกส่งกลับประเทศเมียนมาร์ผ่านทางชายแดนที่เมืองเตอหงในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา

ถึงแม้ว่า กระบวนการค้ามนุษย์จะขยายเครือข่ายครอบคลุมตามชายแดนต่างๆ ทางตำรวจไม่ได้นิ่งดูดายกับปัญหานี้ ทางการได้เพิ่มมาตรการพิเศษเกี่ยวกับการลงโทษขั้นรุนแรงตามเขตชายแดนหากจับกุมกระบวนการค้ามนุษย์ได้ ในการปฏิบัติการ ทางตำรวจกว่างสีได้ลงโทษจำนวน 30 คดีที่เกี่ยวข้องกับการลักพาตัวผู้หญิงเวียดนาม ได้ทลายแก๊งค์อาชญากรรม 11 กลุ่มและจับกุมผู้ต้องสงสัยอีก 53 คน ในขณะเดียวกัน ทางตำรวจได้ช่วยเหลือผู้หญิงเวียดนามที่ตกเป็นเหยื่อ 52 คน

ทางมณฑลยูนนานเอง ได้จับกุมนายหน้าการค้ามนุษย์ 21 คดีที่เกียวข้องกับการค้าผู้หญิงเวียดนาม จับกุมผู้ต้องสงสัย 17 คนและช่วยเหลือเหยื่ออีก 22 คน ส่วนเหยื่อที่ได้รับการช่วยเหลือถูกส่งไปยังสถานฟื้นผูและพักพิงชั่วคราวก่อนจะส่งกลับประเทศต้นทางต่อไป

ทางสำนักงานการปราบปรามการค้ามนุษย์ของจีนได้เน้นย้ำว่า ได้ติดตามและสังเกตการณ์เครือข่ายกระบวนการค้ามนุษย์มาโดยตลอด เพื่อปกป้องคุ้มครองผั้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อ อีกทั้งยังช่วยเหลือในกระบวนการฟื้นฟูและส่งกลับประเทศด้วย ทางสำนักงานเน้นย้ำกับตำรวจให้ค่อยสอดส่องดูแลคดีที่เกียวกับการค้าผู้หญิงต่างชาติและให้เฝ้าระวังในจุดสำคัญเป็นพิเศษ เช่น สถานีรถประจำทาง ท่าเรือและถนนสายเล็กสายน้อยตามทุ่งนาป่าเขาที่อาจจะเป็นเส้นทางผ่านของกระบวนการค้ามนุษย์

รูปที่ 3

นอกจากนี้ ทางการยังได้เพิ่มความร่วมมือกับประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อช่วยกันป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในภูมิภาคนี้ ประเทศจีนได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการปราบปรามการค้ามนุษย์กับประเทศไทย เมียนมาร์ ลาวและกัมพูชา อีกทั้งยังได้ริเริ่มการประชุมประจำปีระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกี่ยวกับการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ในระดับนานาชาติด้วย ทางนครปักกิ่งเองยังได้จัดตั้งสำนักงานป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์กับประเทศเพื่อนบ้านอีก 8 ประเทศ เช่น เวียดนาม เมียนมาร์ ลาว เป็นต้น

การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์นั้นต้องอาศัยความร่วมมือและความจริงใจจากหลายภาคส่วน การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความรู้ระหว่างเจ้าหน้าที่จากประเทศต่างๆ ความร่วมมือในด้านกฏหมาย การบังคับใช้กฏหมาย การส่งต่อผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อการลงโทษและกระบวนการการเยียวยาฟื้นฟูเหยื่อก่อนส่งกลับประเทศต้นทาง สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนและสังคมให้เห็นคุณค่าและเคารพศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน