เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเยือนมหานครเซียงไฮ้เป็นครั้งแรก ซ่างไห่ หรือ เซี่ยงไฮ้ (จีน: 上海, พินอิน: Shànghǎi) เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำแยงซีเกียง เป็นเขตการปกครองระดับพิเศษแบบเทศบาลนครซึ่งมีสถานะเทียบเท่ากับมณฑล พื้นที่อยู่ในมณฑลเจ้อเจียงแต่ขึ้นตรงกับรัฐบาลกลาง แต่เดิมเซี่ยงไฮ้เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงและเป็นเมืองแรกๆ ของจีนที่เปิดทำการค้าสู่โลกภายนอกจึงทำให้มีชาวตะวันตกมากมายมายเข้ามาอาศัยอยู่เพื่อทำการค้าและใช้ประโยชน์จากท่าเรือสินค้า เซี่ยงไฮ้จึงนับเป็นความภูมิใจของชาวจีน โดยเฉพาะชาวเมืองซึ่งถือว่าเมืองของตนเป็นสัญลักษณ์ของจีนยุคใหม่ ในด้านความก้าวหน้าและทันสมัย เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีการผสมผสานทางด้านวัฒนธรรม ทั้งของจีนและตะวันตกได้อย่างกลมกลืน โดยจะเห็นได้จากอาคารสถาปัตยกรรมในยุคอาณานิคมตามเขตเช่าเดิมของชาวตะวันตกมีชื่อว่า เดอะบันด์(The bund) ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของเซียงไฮ้ ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าริมแม่น้ำหวงผู่ฝั่งตะวันตกมีความยาว 1.5 กิโลเมตร พื้นที่นี้เคยเป็นที่ทำการบริษัทใหญ่ๆ ธนาคารชั้นนำ และสถานกงสุลจากประเทศต่างๆทั่วโลก ลักษณะของอาคารเป็นสไตล์ยุโรปโบราณและทางการยังคงอนุรักษ์ไว้อย่างดี บางแห่งดัดแปลงเป็นออฟฟิศและร้านอาหารหรูหรา ใครมาเยือนเซี่ยงไฮ้ต้องแวะมาชมความงามแบบคลาสสิกของที่นี่จึงจะเรียกว่ามาถึงมหานครแห่งนี้จริงๆ (หากมาในเวลาค่ำควรมาหลังหกโมงเย็น เพราะจะมีการเปิดไฟประดับประดาสีสันสวยงามตัดกับตัวตึกทรงคลาสสิคที่ตั้งตระหง่านมากว่าร้อยปี)
รูปที่ 1
ในปัจจุบันเซี่ยงไฮ้กลายเป็นเมืองที่มีคนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นมากที่สุดของจีน เต็มไปด้วยร้านค้าทันสมัย การก่อสร้างต่างๆ ที่ดูเหมือนไม่มีวันจบสิ้น อีกทั้งถนนยังเต็มไปด้วยรถยนต์ราคาแพง จักรยาน สกูตเตอร์ไฟฟ้าและผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ เพราะการเป็นศูนย์กลางของความทันสมัยของเอเชียนี่เอง ในปีพ.ศ. 2546 เซียงไฮ้จึงได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมหานครชั้นสูงอันดับที่ 5 ของโลก รองจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นิวยอร์ก ลอนดอน และ ปารีส ทำให้เซียงไฮ้ได้รับเลือกให้เป็นสาขาแรกหรือเมืองเปิดตัวของสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกมากมายในภูมิภาคเอเชีย
รูปที่ 2
เซียงไฮ้เป็นเมืองที่มีทั้งความเก่าและความทันสมัยในเมืองเดียวกัน แต่ได้แบ่งสองความต่างด้วยแม่น้ำหวงผู่ ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเรียกว่า "ผู่ตง" เป็นเขตใหม่เพิ่งพัฒนาในยุคนโยบายสี่ทันสมัยของเติ้ง เสี่ยวผิง ซึ่งมีตึกระฟ้ารูปแบบทันสมัยและมีความสูงติดอันดับโลกด้วย ส่วนฝั่งตะวันตกคือ "ผู่ซี" เป็นเมืองเก่าสมัยเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้รุ่งเรือง ทั้งสองฝั่งแตกต่างกันมากแต่ก็มีเสน่ห์น่าค้นหาไม่แพ้กัน แต่การเดินชมเมืองครั้งนี้ ทางผู้เขียนจะขอเล่าการเดินชมเมืองเก่าย่านผู่ซีที่เดินลัดเลาะเข้าซอยนั้นออกซอยนี้ ชมวิถีชาวเซียงไฮ้ดั้งเดิมตั้งแต่เช้าจรดเย็น สิ่งที่แตกต่างจากปักกิ่งและเมืองอื่นๆของจีนอย่างเห็นได้ชัดคือ ร้านมินิมาร์ท ซึ่งมีจำนวนมากตั้งเรียงรายให้บริการ 24 ชั่วโมงทั่วทุกหัวมุมถนนน้อยใหญ่
รูปที่ 3
การเดินเพลินชมเมืองเก่าฝั่งผู่ซี จะเริ่มด้วยอาหารว่างของชาวเซียงไฮ้ที่มีชื่อเสียงก็คือ เสี่ยวหลงเปา(มีลักษณะเหมือนเกี๊ยวแต่มีไส้เป็นหมูสับพร้อมน้ำซุป เวลากัดเข้าไปจะสัมผัสถึงน้ำซุปร้อนๆและเนื้อหมูในเวลาเดียวกัน) และหมั่นโถว(มีลักษณะเหมือนซาลาเปารูปทรงสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ไส้ในจะเหมือนเสี่ยวหลงเปา จะนำไปนึ่งและมาทอดไฟอ่อนให้แป้งกรุบกรอบพร้อมโรยงาหอมๆ ก่อนกิน) ทั้งสองอย่างถือเป็นอาหารกินเล่นทุกมื้อของชาวเมืองก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเดินไปไหนหากหิวสามารถมองหาร้านที่มีกระทะใบบัวและมีหมั่นโถวทอดไฟอ่อนๆได้เลย หากเป็นอาหารเช้าก็จะสั่งกินเป็นชุดใหญ่พร้อมซุปต่างๆ เช่น ซุปเนื้อวัว เกี๊ยวน้ำและวุ้นเส้น เป็นต้น
รูปที่ 4
ส่วนอาหารกลางวันจะมีหลากหลายเมนูแบบจีนและต่างชาติมากมาย แต่มีร้านที่แตกต่างกับปักกิ่งเห็นจะเป็นร้านอาหารในลักษณะคล้ายร้านข้าวแกงในเมืองไทย จะปรุงอาหารสดใหม่หลังครัวซึ่งเห็นจากหน้าร้าน และมาวางในถาดตู้กระจกที่ต้มน้ำเดือดสำหรับอุ่นอาหารจากข้างล่างแถววางอาหาร บริการซุปผักและน้ำร้อนชงชาฟรีแบบเติมไม่อั้นอีกด้วย นอกจากราคาย่อมเยาว์และยังได้รสชาติดั้งเดิมอร่อยแบบเซียงไฮ้แล้ว ยังมั่นใจได้ว่า อาหารนั้นสดใหม่สะอาดจริงๆ
รูปที่ 5
หลังจากเติมแรงด้วยอาหารเซียงไฮ้อย่างเต็มอิ่มแล้ว ก็ต้องมาเดินเล่นในเมืองเพื่อย่อยอาหารและหาความมีรสนิยมในรายละเอียดรายทางของชาวเมืองที่นี่ ทางผู้เขียนได้มีดินลัดเลาะต่อไปย่านเมืองเก่าที่อนุรักษ์ให้เป็นย่านการค้าและแหล่งสุดฮิปของคนรุ่นใหม่เซียงไฮ้ เรียกว่า "ย่านซินเทียนตี้" ออกแบบโดย "เบนจามิน วูด" สถาปนิกชื่อดังชาวอเมริกัน มีเสียงชื่นชมว่ามีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อเพราะทางการได้อนุรักษ์ตึกและบ้านเก่าเลขที่ 100 เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เป็นที่ประชุมการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์อย่างเป็นทางการของเหมา เจ๋อตุงและผู้นำตัวแทนพรรคจากมณฑลต่างๆ ส่วนตึกและบ้านบริเวณรอบเป็นลักษณะบ้านอิฐสีเทาและสีส้มสไตล์ชิกูเหมินจำลองขึ้นใหม่จากยุคปลายศตวรรษที่ 19 สามารถหาความรื่นรมย์และรสนิยมอย่างครบครัน ทั้งร้านกาแฟและคาเฟ่ตกแต่งสไตล์ฮิปๆ ร้านอาหารคนดัง โรงหนังอาร์ตเฮาส์ ร้านเสื้อผ้าเก๋ๆของดีไซเนอร์ชื่อดัง แกลอรี่และแหล่งช็อปปิ้ง มอลล์ถือเป็นสวรรค์ของเหล่าบรรดานักช้อปปิ้งแน่นอน มาเดินเล่นในเซียงไฮ้ หากอดใจไม่ไหวอาจจะทำให้เรากระเป๋าฉีกได้ เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็จะมีร้านขายสินค้าที่ดึงดูดความสนใจของเราแทบทั้งสิ้น อีกทั้งทุกร้านก็คับคั่งไปด้วยผู้คนทั้งชาวจีนและต่างชาติ ตอนหน้าจะพาท่านผู้อ่านไปดูแหล่งช้อปปิ้งที่ไม่อยู่ในโปรแกรมของบริษัททัวร์เซียงไฮ้ทั่วไป และไปได้ง่ายโดยการเดินเท้าจากจัตุรัสประชาชน หรือเรินหมินกว่างจี้ จะเป็นที่ไหนในเซียงไฮ้นั้นโปรดติดตามสัปดาห์หน้า