เวลาขึ้นลิฟท์ในจีน กลิ่นเสื้อกันหนาว จะบอกเราได้ว่าขณะนี้เป็นช่วงไหนของฤดูหนาว

ถ้าเป็นกลิ่นหอม แปลว่า เป็นต้นฤดูหนาว เสื้อกันหนาวเพิ่งซักมาใหม่กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำนยาซักผ้า ยังติดอยู่ ไม่มีกลิ่น น่าจะเป็นช่วงกลางฤดูหนาว และถ้ามีกลิ่นสาบของเสื้อกันหนาวแรงจัด นั่นแปลว่า เป็นช่วงปลายฤดูหนาว หรือบางทีพ้นฤดูหนาวมาแล้วแต่อากาศยังหนาวก็ต้องใส่เสื้อให้ร่างกายอบอุ่นไว้ก่อน

กลิ่นสาบของเสื้อกันหนาว ไม่ใช่เรื่องแปลกและน่ารังเกียจแต่ประการใด เพราะจริง ๆ แล้วไม่ใช่กลิ่นเหงื่อ เนื่องจากหน้าหนาวอากาศเย็น เหงื่อไม่ค่อยออก แต่อาจเป็นกลิ่นกายและกลิ่นอาหารที่ติดมากับเสื้อผ้า โดยเฉพาะเสื้อกันหนาวพวกเสื้อขนเป็ดนี่ ขอบอกว่า ดูดกลิ่นอาหารได้สุดยอดจริง ๆ

สุกี้หม้อไฟ

หน้าหนาวก็ต้องกินอาหารที่ให้ความอบอุ่นกับร่างกาย คนจีนนิยมรับประทานอาหารหลายอย่างในช่วงหน้าหนาว อย่างสุกี้หม้อไฟ ที่เป็นหม้อทองเหลือง เรียกว่าเป็นหม้อยักษ์ ควันเยอะ กินไป เฮฮากันไป สนุกมาก แต่ออกมาจากร้าน ตั้งแต่หัวจรดเท้ามีแต่กลิ่นสุกี้หม้อไฟ กลับเข้ามาที่ทำงาน แค่เจอหกันในลิฟท์ เพื่อก็จับได้จากกลิ่น ว่าไปกินหม้อไฟมาแน่ ๆ

ของปิ้งย่าง ก็เป็นที่นิยม กินแล้วทำให้ร่างกายอบอุ่น อย่างเนื้อแพะย่างเสียบเป็นไม้ หมู ไก่ ปลาหมึก ช่วงรอย่างก็มีทั้งกลิ่นและควันโชยมาติดเสื้อผ้าหน้าผมเนื้อตัว ของปิ้งย่างพวกนี้ที่เมืองจีนเขาจะโรยพริกป่นลงไปด้วยรสชาติแซ่บซ่า อร่อย แถมกินแล้วให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายได้ดีชะมัด แต่พวกพืชอย่างมันเผาหรือเกาลัดคั่ว อาหารยอดนิยมในหน้าหนาวกลิ่นหอมของมันกลับไม่ติดเสื้อผ้าหรือเนื้อตัวแม้แต่น้อย อีกอย่างคือถังหูลู่ หรือพวกซันจา ซันเย่า(หน้าตาเหมือนมันมือเสือ รสชาติก็เหมือน แต่รูปทรงเป็นหัวยาว ๆ ) ผลไม้ต่าง ๆ ที่เขานำมาเสียบไม้ แล้วเคลือบด้วยน้ำตาล ของกินชนิดนี้มีมากในหน้าหนาว สอบถามคุณผิงผิง เพื่อนร่วมงาน เธอบอกว่า เพราะฤดูกาลอื่นอากาศร้อน น้ำตาลจะไม่จับอยู่นาน ถ้าจะหาซื้อในช่วงฤดูอื่นที่ไม่ใช่หน้าหนาวต้องไปดูแถว ๆ ตู้แช่พอมีให้เห็นบ้าง ไม่เหมือนหน้าหนาวที่มีขายทั่วไป