โลโก้ "保健食品"หรือ "อาหารบำรุงสุขภาพ"
การลดความอ้วน การลดน้ำตาลในเลือด การทำให้ตัวสูงขึ้น การทำให้ฉลาดขึ้น การเสริมแคลเซียม การต่อต้านโรคมะเร็ง การปรับระบบการย่อยอาหารให้ดีขึ้น ฯลฯ อาหารบำรุงสุขภาพแทบจะทำได้ทุกอย่างอย่างวิเศษ... ทั้งนี้เรียกความสนใจจากผู้บริโภคจำนวนไม่น้อย อาหารบำรุงสุขภาพมีประโยชน์ด้านไหนบ้าง จะบำรุงสุขภาพได้จริงหรือไม่ และควรมองอาหารบำรุงสุขภาพอย่างถูกต้องตามโฆษณาไว้อย่างไร เรามาสำรวจให้ถี่ถ้วนกันดีกว่า
1. อาหารบำรุงสุขภาพควรผ่านการทดสอบในสัตว์และร่างกายมนุษย์ อีกทั้งต้องได้รับการอนุมัติรับรองจากรัฐ จึงจะเป็นอาหารบำรุงสุขภาพอย่างถูกต้อง
นายเปียน อยู่เมืองต้าถง มณฑลซานซี ซื้อ "ซั่นฉุนเพี่ยน" ซึ่งเป็นอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ให้แก่บิดาวัย 90 ปีรับประทานมาโดยตลอด เขาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวด้วยความชื่นชมว่า "คุณพ่อล้มหมอนนอนเสื่อเป็นเวลาเกือบ 10 ปี ไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงและเดินได้ รับประทานอาหารก็น้อย แต่หลังจากกิน 'ซั่นฉุนเพี่ยน' ต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายปี ก็มีสีหน้าดีขึ้นและดูสดใส ผมรู้สึกว่าอาหารเสริมชนิดนี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพจริง" ทว่าสำหรับอาหารบำรุงสุขภาพชนิดอื่นๆ ที่ญาติมิตรนำมามอบให้บิดานั้น นายเปียนกลับปฏิเสธว่า "โฆษณานั้นโม้เป็นน้ำไหลไฟดับ เทคโนโลยีนาโน ผลิตภัณฑ์ที่กำหนดไว้สำหรับนักบินอวกาศ ผลการวิจัยของเจ้าของรางวัลโนเบล และได้รับการมอบหมายจากสหประชาชาติ เป็นต้น พอเข้าหูก็ทราบว่าเป็นการหลอกลวง"
โฆษณาอาหารบำรุงสุขภาพปรากฏอยู่ทุกที่ทุกแห่งอย่างกลาดเกลื่อน ทั้งทางวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และอินเตอร์เน็ต โฆษณาชวนเชื่อนี้สร้างความปั่นป่วนไม่น้อย ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน บางคนหันมาทานอาหารบำรุงเป็นเวลานาน ขณะที่เด็กและเยาวชนบางคน ซึ่งมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์อยู่แล้ว ก็หันมารับประทานอาหารเสริมแคลเซียมและเสริมสมองอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ผู้บริโภคหลายคนที่ซูปเปอร์มาร์เก็ต 2 แห่ง และร้านยา 6 แห่งในกรุงปักกิ่ง พบว่า ผู้ที่ซื้อและรับประทานอาหารบำรุงสุขภาพ ล้วนได้ข้อมูลจากโฆษณา ส่วนใหญ่ถือเป็นการปลอบขวัญทางจิตใจ หลายคนซื้อเพื่อไปเยี่ยมผู้ป่วย หรือไม่ก็เพื่อบำรุงร่างกายของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้าน เพื่อแสดงความเอาใจใส่
นายสวี หวาเฟิง เลขาธิการสมาคมการบำรุงสุขภาพแห่งประเทศจีนระบุว่า "อาหารบำรุงสุขภาพออกฤทธิ์ช้า ต่างกับผลิตภัณฑ์ยาที่รักษาโรคได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลทันที" เขายังระบุว่า ตามวิธีการกำกับดูแลอาหารบำรุงสุขภาพ อาหารบำรุงสุขภาพทุกชนิดล้วนต้องผ่านการทดสอบในสัตว์และร่างกายมนุษย์ ยืนยันสมรรถภาพที่ระบุไว้ อีกทั้งได้รับการอนุมัติรับรองจากรัฐ ดังนั้น จึงถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้
บทบาทสำคัญที่สุดของอาหารบำรุงสุขภาพคือ มีส่วนช่วยเพิ่มภูมิป้องกันโรคของร่างกายให้มากขึ้น ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานสูงขึ้น และลดอัตราการป่วยลง หากไม่ใช่เพื่อรักษาโรคบางชนิดโดยตรง นายสวี หวาเฟิงระบุว่า "การรับประท่านอาหารบำรุงสุขภาพก็เหมือนกับการบำรุงรถเป็นประจำ ถือเป็นสิ่งที่ต้องทำ ช่วยลดอัตราการเกิดอุปสรรค แต่ก็ไม่ได้รับรองว่า รถจะไม่เกิดปัญหาใดๆ ขึ้น เมื่อเกิดปัญหาแล้ว ก็ต้องส่งไปซ่อมแซม ไม่ใช่ว่าจะบำรุงอย่างเดียว"
พืชชนิดหนึ่งที่เหมาะสำหรับการผลิตอาหารบำรุงสุขภาพ
2. ตลาดอาหารบำรุงสุขภาพอยู่ในภาวะการแข่งขันที่ร้อนแรง แต่ก็ควรจัดระเบียบให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาพของผู้บริโภค
อาหารบำรุงสุขภาพถือเป็นความต้องการใหม่ของผู้บริโภคภายหลังปัญหาปากท้องได้แก้ตกเรียบร้อยแล้ว จริงๆ แล้ว ตั้งแต่โบราณกาล ชาวจีนก็นิยมรับประทานอาหารบำรุงสุขภาพอยู่แล้ว ปัจจุบัน เมื่อวิทยาศาสตร์ก้าวหน้า เศรษฐกิจพัฒนา ระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ความต้องการให้สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์และมีชีวิตยืนยาวขึ้น เป็นแรงกระตุ้นให้ตลาดอาหารบำรุงสุขภาพร้อนแรงขึ้นทุกวัน
สถิติเบื้องต้นระบุว่า ปลายปี 2011 กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานกำกับดูแลอาหารและผลิตภัณฑ์ยาแห่งชาติได้อนุมัติรับรองอาหารบำรุงสุขภาพเกือบ 10,000 ชนิด ยังมีกว่า 4,000 ชนิดอยู่ในขั้นตอนการผลิต มีบริษัทผู้ผลิตอาหารบำรุงสุขภาพกว่า 2,000 แห่ง มวลรวมการผลิตมีปีละกว่า 260,000 ล้านหยวน กล่าวได้ว่า ธุรกิจอาหารบำรุงสุขภาพเป็นธุรกิจ "เปล่งแสงเจิดจ้า" ที่มองข้ามไม่ได้ในเศรษฐกิจประชาชาติของจีน
ในบริษัทผู้ผลิตอาหารบำรุงสุขภาพกว่า 2,000 ดังกล่าว ที่สร้างมวลรวมการผลิตปีหนึ่งๆ นับร้อยล้านหยวนมี 76 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 38 ของมวลรวมการผลิตทั้งหมด
นายกัว ไห่เฟิง รองผู้อำนวยการฝ่ายการตรวจสอบ กรมกำกับดูแลอาหารบำรุงสุขภาพและเครื่องเสริมความงาม สำนักงานกำกับดูแลอาหารและผลิตภัณฑ์ยาแห่งชาติจีนระบุว่า "อาหารบำรุงสุขภาพบางชนิดมีการเติมสารต้องห้าม นับเป็นปัญหาที่ร้ายแรง" ทั้งนี้เป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภค จึงควรเพิ่มการกำกับดูแลและจัดระเบียบตลาดให้ดีขึ้น
(YING/LING)