โม่ เหยียนกล่าวว่า คำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ ทำให้เขารู้สึกถูกวางไว้ใต้กล้องจุลทรรศน์ของสังคม "ผมเห็นว่าคนๆ นั้นไม่ใช่ตัวผมเอง ไม่ใช่นักเขียนที่มีชื่อว่า โม่ เหยียน ผมกลายเป็นเพียงผู้ที่ยืนดูอยู่ข้างๆ มองดูคนอื่นว่าประเมินโม่ เหยียนอย่างไร ถือเป็นโอกาศที่หายากมาก จะทำให้ผมได้รับผลประโยชน์ตลอดชีวิต" โม่ เหยียนเห็นว่า การได้รับรางวัลเป็นเรื่องชั่วคราว สิ่งนี้จะเลยไปเหมือนเมฆลอยผ่าน ผมจะต้องเขียนอย่างเอาจริงเอาจังต่อไป มีคนกล่าวว่า ปัจจุบันเกิดกระแส คลั่งไคล้โม่ เหยียน เขาเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเมื่อใครกลายเป็นบุคคลสาธารณะ ก็จะได้รับความสนใจและเกิดการวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น โม่ เหยียนหวังว่า ผู้คนจะให้ความสนใจจากการได้รับรางวัลแล้วหันไปยังวรรณกรรม และจากการสนใจโม่ เหยียนคนเดียวหันไปยังนักเขียนของจีนทั้งหมด
ถึงแม้ว่าในขณะที่ตอบปัญหาอย่างเป็นทางการ โม่ เหยียนก็ไม่ยังแสดงอารมณ์ขันและความสนุกสนานด้วย เช่นเกี่ยวกับปัญหาที่ว่า "คุณมีความสุขไหม" โม่ เหยียนตอบว่า "ผมมีความสุขได้อย่างไร ทุกวันนี้ผมต้องเผชิญกับแรงกดดันมาก" และมีผู้สื่อข่าวถามว่า รางวัลโนเบลที่ได้มา จะเกิดประโยชน์อะไรบ้าง โม่ เหยียนตอบทันทีว่า "ผมอยากซื้อบ้านหลังใหญ่ที่กรุงปักกิ่ง รางวัลมีประมาณ 7,500,000 หยวน แต่ราคาบ้านที่ปักกิ่งแพงมากถึง 50,000 กว่าหยวนต่อตารางเมตร คำนวนแล้ว ซื้อบ้านใหญ่ก็ยังไม่น่าจะพอเลย"
โม่ เหยียนเขียนพู่กันด้วยซ้ายมือ
เคยมีข่าวรายงานว่า เมื่อปีที่แล้ว โม่ เหยียนไปเข้าร่วมกิจกรรมนักเขียนที่เมืองกว่างโจวและเซินเจิ้น เขาเขียนคำขวัญให้กับเพื่อนและหน่วยงานที่จัดกิจกรรมเหมือนคนอื่น ที่แตกต่างคือ เขาเขียนพู่กันด้วยซ้ายมือตลอด โม่ เหยียนบอกว่า สาเหตุที่ใช้มือซ้ายนั้น ก็เพราะเมื่อใช้มือขวาเขียน ดูไปดูมาเหมือนเขียนด้วยปากกา ดังนั้นจึงตั้งใจใช้ซ้ายมือเขียนพู่กัน ส่วนอีกด้านหนึ่งคือเพราะเขามั่นใจว่าตัวเองไม่กลัวเขียนไม่สวยจนคนอื่นดูถูก