ปัจจุบันราคาค่าจอดรถในฮ่องกงล็อกแพงที่สุดนั้นสามารถซื้อรถตู้โตโยต้าสุดหรู รุ่น "อัลฝาร์ด" ได้ถึง 2 คันเลยทีเดียว เพราะจากสถิติล่าสุดนั้นระบุว่า ที่จอดรถในเขตไถไว่ ซึ่งเป็นย่านธุรกิจใจกลางเมืองนั้น แพงสุดสูงถึง 1.3 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือประมาณ 5 ล้านบาทเลยทีเดียว

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเกาะฮ่องกงนั้นมีความแออัดอย่างสุดแสนสาหัส แต่ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่อยู่แถวหน้าของโลก จึงผลักให้ราคาค่าครองชีพทุกอย่างพุ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสถิติของปีนี้ระบุว่า 10 เดือนแรกของปีนี้ราคาตลาดอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงสูงขึ้นถึงร้อยละ 21 ดังนั้นราคาที่จอดรถ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของที่อยู่อาศัยจึงถีบตัวสูงตามไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย และกลายเป็นแหล่งเงินแหล่งทองของบริษัทที่ดูแลให้สามารถขูดรีดผู้มีรถขับทั้งหลายได้อย่างเต็มที่

ดังนั้นทุกวันนี้ ใช่ว่ามีเงินซื้อรถได้แล้วจะเพียงพอ เพราะยังต้องมีปัญญาซื้อหรือเช่าที่จอดรถด้วย

สำหรับคนที่ซื้อที่จอดรถไว้เมื่อนานมาแล้ว ปัจจุบันก็นอนกอดใบเอกสารสิทธิ์อย่างสุขขี เพราะยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งมีราคาสูงขึ้น และยังไต่ระดับขึ้นไวกว่าราคาใบหุ้น หรือทองคำเสียอีก ยิ่งเมื่อเอาไปฝากบริษัทบริหารที่จอดรถให้ช่วยจัดการให้ ก็ยิ่งสามารถทำรายได้เป็นกอบเป็นกำได้ไวขึ้น ซึ่งในปัจจุบันนี้ ถ้าใครตัดสินใจขายสิทธิ์ที่จอดรถจะสามารถทำกำไรได้ทันที 200,000 – 300,000 เหรียญฮ่องกง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง ถ้าอยู่ใกล้เส้นทางคมนาคมหลัก ใกล้ลิฟต์ในอาคารจอดรถ หรือมีพื้นที่กว้างขวาง ราคาก็จะเพิ่มมากขึ้นกว่านี้อีก

สิ่งนี้ทำให้นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ นอกจากจะสร้างบ้านขายและคอนโดแล้ว ก็พากันหันมาเปิดบริการให้เช่าที่จอดรถ หรือสร้างเพื่อขายก็มี เพราะสามารถทำกำไรได้ไวกว่าขายโครงการบ้านพักอาศัยขนาดใหญ่ ด้วยว่าทุกคนที่มีรถก็หวงไม่อยากให้ออกไปจอดตากแดดตากฝนข้างนอก และเสี่ยงกับการถูกเฉี่ยวชนเสียหาย แถมที่จอดรถข้างถนนนี้ก็ยังต้องเสียค่าจอดด้วยเช่นกัน

นี่คือตัวอย่างของเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งปัญหาเรื่องที่จอดรถ เป็นเรื่องที่หนักใจของผู้คนอย่างมาก

ขณะที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งปัจจุบันนี้มีจำนวนรถยนต์บนท้องถนนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจากนโยบายสนับสนุนให้ประชาชนซื้อรถยนต์เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา คนก็เริ่มบ่นกับราคาค่าจอดรถกันงึมงัมบ้างแล้ว

เฉพาะค่าจอดตามริมถนนทั่วไปในปัจจุบันนั้น ราคาต่อชั่วโมงจะเริ่มต้นตั้งแต่ 10 หยวนขึ้นไป ซึ่งสูงสุดก็ขึ้นไปถึง 40-50 หยวนก็มี ซึ่งก็แล้วแต่พื้นที่ว่าเป็นย่านไหน ถ้านอกเมืองก็ถูกหน่อย แต่ถ้าใจกลางเมืองแล้วล่ะก็ต้องเสียอย่างน้อยก็ครึ่งร้อยทีเดียว ทั้งนี้ก็เพื่อจำกัดจำนวนรถยนต์ในตัวเมือง เพื่อลดปัญหารถติด

แม้กรุงปักกิ่งจะมีพื้นที่มากก็ตาม แต่ด้วยเป็นเมืองเก่าแก่ และการพัฒนาเมืองในช่วงแรกไม่ได้วางแผนไว้รองรับจำนวนรถยนต์ที่มากมายขนาดนี้ บ้านเรือนสมัยก่อนมีเพียงพื้นที่สำหรับอยู่อาศัย ตึกอาคารสูงในยุคต่อมาอย่างดีก็มีเพียงสวนสาธารณะรอบๆ มีที่จอดรถหน้าตึกเตรียมไว้ไม่ถึง 10 คัน ถึงแม้รถยนต์จะยี่ห้อแพงขนาดไหน ก็ต้องระเห็จมาจอดตากแดด ฝน และหิมะอยู่ที่ริมทางเท้า ซึ่งเช้ามาก็ต้องมาขยับไปจอดที่อื่น เพราะถ้าหากแช่เอาไว้ทั้งวันก็จะเสียค่าจอดตามเวลา ซึ่งพนักงานเก็บเงินที่ยืนคุมอยู่ทุกตางรางนิ้วของกรุงปักกิ่งก็จะเริ่มคำนวนทันที เมื่อถึงเวลาเริ่มงานในแต่ละวัน

ดังนั้นเมื่อมีการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ในปัจจุบัน พื้นที่จอดรถจึงถูกคิดถึงเป็นอันดับแรก เพราะสามารถจูงใจให้คนมาซื้อโครงการได้ไวขึ้น สามารถจัดเป็นแคมเปญ ลด แลก แจก แถมได้

แต่ไม่ว่าอย่างไรที่จอดรถที่สร้างมาแล้วนั้นก็ย่อมต้องมีราคาด้วย ซึ่งคนที่ซื้อห้องพักจะสามารถซื้อได้ก่อนใคร

ตัวอย่างหนึ่งของอาคารชุดที่สร้างใหม่เมื่อปีกลายย่านวงแหวนตะวันตกที่ 4 ของปักกิ่ง ซึ่งถือได้ว่าออกนอกใจกลางเมืองมาไกลพอสมควร ราคาที่จอดรถ 1 คัน ซึ่งผู้ซื้อห้องพักสามารถเป็นเจ้าของได้ 50 ปี นั้นตกถึง 140,000 หยวน และเพิ่มขึ้นมาเป็น 160,000 หยวนแล้วในปีนี้

เจ้าของพื้นที่จอดรถดังกล่าวระบุว่า เขาซื้อช่องจอดรถไว้ก่อนทั้งที่ยังไม่มีรถขับด้วยซ้ำ เพราะว่ายังต้องรอโชคดีจากการจับฉลากทะเบียนรถก่อน ถ้าเมื่อไรสามารถซื้อรถได้ก็จะมีที่จอดทันที และถ้าไม่ซื้อไว้ก่อน สิทธิ์ในการซื้อคนแรกก็จะหลุดมือไป และหากมาซื้อในภายหลังก็จะแพงขึ้นอย่างมาก

และเมื่อวัดจากตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมา 20,000 หยวนภายในปีเดียวเช่นนี้ ก็ถือได้ว่าคุ้มค่าที่ลงทุนจับจองเป็นเจ้าของที่จอดไว้ก่อน ทั้งที่ยังไม่มีรถขับก็ตาม

นอกจากนี้จะเริ่มเห็นที่จอดรถใต้ดินแบบติดลิฟต์ปรากฏขึ้นในกรุงปักกิ่งบ้างแล้ว เหมือนที่ฮ่องกงใช้กันมาก่อนหน้านี้หลายปี เพราะสามารถประหยัดพื้นที่ได้มากกว่า ช่องหนึ่งบรรจุรถได้ 3 คันเป็นอย่างน้อย ที่จอดรถแบบนี้ นอกจากไม่ต้องตากแดดตากฝนแล้ว ยังไม่ต้องกลัวเรื่องรถเสียหายจากการถูกเฉี่ยวชนในยามราตรี เจ้าของรถก็สามารถนอนหลับได้เต็มตามากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะเสียเงินเพิ่มอีกหน่อยก็ตาม

ซึ่งแน่นอนว่าคนที่นำรถมาจอดที่นี่ได้ก็ต้องมีเงินเพียงพอ

ทำให้เดี๋ยวใครจะตัดสินใจซื้อรถสักคันจะต้องคิดหน้าคิดหลังหลายตลบ ไหนจะค่าจอดที่บ้านตัวเอง ไหนจะค่าจอดเมื่อเอารถออกไปขับ และในอนาคตยังแว่วข่าวมาว่ากรุงปักกิ่งจะมีนโยบายเก็บค่าธรรมเนียมการขับขี่รถยนต์อีก นี่ยังไม่รวมค่าน้ำมันที่แพงขึ้นทุกวัน และค่าบำรุงรักษาจิปาถะอื่นๆ อีก

มีเงินซื้อรถอย่างเดียวไม่พอจริงๆ

โดย พัลลภ สามสี