เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์กับสหรัฐจัดการซ้อมรบร่วม "ไหล่ชนไหล่" (shoulder to shoulder) ประำจำปี 2014 ที่กรุงมะนิลา การซ้อมรบครั้งนี้จะดำเนินการเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ทหารประมาณ 5,500 คนจากทั้งสองฝ่ายจะเข้าร่วมการซ้อมรบ ถึงแม้ว่าฟิลิปปินส์กับสหรัฐฯ ประกาศว่า การซ้อมรบรหัส "ไหล่ชนไหล่" จะเน้นการรับมือกับภัยธรรมชาติ แต่การซ้อมรบร่วมครั้งนี้จัดขึ้นหลังจากสองฝ่ายลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศไม่นาน สื่อมวลชนหลายสำนักของฟิลิปปินส์ต่างเห็นว่า การซ้อมรบครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเฉพาะ
การซ้อมรบ "ไหล่ชนไหล่" เป็นการซ้อมรบประจำปีระหว่างฟลิปปินส์กับสหรัฐฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความร่วมมือด้านการรับมือกับลัทธิก่อการร้าย การโจมตีของโจรสลัด การลักลอบขนส่งสินค้า และภัยธรรมชาติ เป็นต้น สื่อฟิลิปปินส์รายงานว่า การซ้อมรบครั้งนี้จัดขึ้นในน่านน้ำทางตะวันตกและทางเหนือของฟิลิปปินส์ ฝ่ายทหารฟิลิปปินส์ระบุว่า เนื้อหาการซ้อมรบรวมถึง การซ้อมด้วยกระสุนจริง การซ้อมการกู้ระเบิด และการรับมือกับสภาพที่มีคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจำนวนมาก เป็นต้น
ผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพติดอาวุธฟิลิปปินส์กล่าวว่า ความมั่นคงทางทะเลเป็นประเด็นสำคัญในการซ้อมรบร่วมครั้งนี้ การซ้อมรบมีส่วนช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการประสานงาน วางแผน และการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างทหารสองประเทศ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำฟิลิปปินส์กล่าวว่า การเพิ่มขีดความสามารถผ่านการซ้อมรบร่วมกันมีความหมายสำคัญต่อความปลอดภัยของฟิลิปปินส์และส่วนภูมิภาค
นายเดล โรซาริโอ รัฐมนนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ตามการซ้อมรบร่วม "ไหล่ชนไหล่" จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 30 ฟิลิปปินส์กับสหรัฐฯ จะร่วมกันแสดงขีดความสามารถทางทหารและด้านการรับมือกับการท้าทายใหม่ของสหพันธ์ฟิลิปปินส์-สหรัฐฯ ต่อโลก
วันเดียวกัน กลุ่มบุคคลฝ่ายซ้ายของฟิลิปปินส์ที่ต่อต้านการซ้อมรบร่วมจัดการประท้วง โดยกล่าวว่า การซ้อมรบร่วมระหว่างฟิลิปปินส์กับสหรัฐฯ และข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศฉบับยกระดับที่สองฝ่ายลงนามเมื่อเร็วๆ นี้ จะทำให้สหรัฐฯ มีทหารและยุทโธปกรณ์มากขึ้นในฟิลิปปินส์ ซึ่งเท่ากับว่า ให้สหรัฐฯ ตั้งฐานทัพถาวรที่ฟิลิปปินส์ ขณะเดียวกัน ทหารสหรัฐฯ ยังมีสิทธิสภาพนอกอาณาเขตในฟิลิปปินส์ด้วย
Yim/Ldan