เวลา 10.00 น.ของวันที่ 29 กันยายน การซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐอเมริกากับฟิลิปปินส์ในรหัส "PHIBLEX 15" เริ่มขึ้นที่กองบัญชาการใหญ่ภาคตะวันตกของทหารเรือฟิลิปปินส์ในเมืองพูเอร์โต ปรินเซซา(Puerto Princesa) จังหวัดปาลาวัน (Palawan) ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ฝ่ายทหารฟิลิปปินส์ประกาศว่า การซ้อมรบครั้งนี้จะสิ้นสุดลงในวันที่ 10 ตุลาคม จะมีทหารสหรัฐฯ กว่า 3,000 นายและทหารฟิลิปปินส์ 1,000 นายเข้าร่วม โฆษกนาวิกโยธินของฟิลิปปินส์กล่าวว่า การซ้อมรบครั้งนี้จะจัดขึ้นในสถานที่ต่างกัน เพื่อส่งเสริมการประสานงานและความร่วมมือระหว่างกองทหารของสองประเทศ ยกระดับการเตรียมสงครามให้สูงขึ้นและเสริมขีดความสามารถด้านการรับมือกับภัยธรรมชาติและการปะทะกันในภาวะฉุกเฉิน
ฝ่ายทหารฟิลิปปินส์ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนถึงวันที่ 2 ตุลาคม กองทหารที่เข้าร่วมการซ้อมรบของสองประเทศจะซ้อมยิงปืนที่จังหวัดดารา(Dar'a) จัดการบุกรุกด้วยเรือเล็กบนเกาะในทะเลซูลู(Sulu Sea)ของจังหวัดปาลาวัน วันที่ 5-7 ตุลาคม กองทหารสองประเทศจะซ้อมโจมตีในศูนย์ฝึกอบรมทหารเรือในจังหวัดซัมลาเลส(Zambales) ทางภาคเหนือของฟิลิปปินส์และวันที่ 7 ตุลาคมจะจัดการซ้อมรบร่วมกัน
แม้ว่าทั้งฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ ล้วนประกาศว่า ความร่วมมือทางการทหารเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างสองประเทศ มีจุดประสงค์เพื่อสันติภาพและการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม แต่จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ภายในประเทศฟิลิปปินส์และเขตรอบข้าง สหรัฐฯ ถือการซ้อมรบร่วมและข้อตกลงระหว่างฟิลิปปินส์กับสหรัฐฯ เป็นข้ออ้าง ทำให้ฟิลิปปินส์กลายเป็นประเทศที่อำนวยกำลังรบในภูมิภาคนี้ อำนวยความสะดวกแก่สหรัฐฯ เพื่อดำเนินยุทธศาสตร์กลับสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกครั้ง และมีส่วนร่วมต่อสถานการณ์เอเซียแปซิฟิกและทะเลจีนใต้มากขึ้น เพิ่มแรงกดดันต่อประเทศเอเซียแปซิฟิกมากขึ้น
ด้านภายในประเทศฟิลิปปินส์ แม้ว่าฟิลิปปินส์กับสหรัฐฯ เป็นประเทศภาคี แต่ความร่วมมือทางการทหารเช่นนี้ก็ทำให้ภายในประเทศฟิลิปปินส์วิตกกังวลเช่นกัน เห็นว่าไม่ได้ช่วยฟิลิปปินส์มีกำลังป้องกันประเทศเข้มแข็งยิ่งขึ้น แต่กลับมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ฟิลิปปินส์สูญเสียความเป็นเอกราชจนตกเป็นเมืองขึ้นของสหรัฐฯ อีกครั้ง ไม่ว่าการลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางการทหารหรือการซ้อมรบทุกครั้ง ล้วนมีประชาชนฟิลิปปินส์จำนวนมากประท้วง
Toon/Lr