นับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา ภายหลังจากที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตราการควบคุมตลาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำกัดโควตาการซื้อถือครองกรรมสิทธิ์ ทำให้ราคาบ้านที่อยู่อาศัยที่แพงสุดๆ ฉุดไม่อยู่ โดยเฉพาะตามหัวเมืองใหญ่ต่างๆ ปรับลดระดับความร้อนของราคาไม่ให้พุ่งทะยานสูงเสียดฟ้าต่อไปได้
โดยจากข้อมูลทางตัวเลขล่าสุด ระบุว่า ราคาซื้อขายที่พักอาศัยใน 100 เมืองทั่วประเทศ โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 8,793 หยวนต่อตารางเมตร ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ห้า คิดเป็น 0.18% นับเป็นความสำเร็จที่สืบเนื่องมาจากมาตราการควบคุมดังกล่าวที่ได้ผลของรัฐ ซึ่งมาตราการควบคุมอสังหาฯของรัฐยังคงเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญ ที่ประชาชนจีนให้ความสนใจในวาระการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 11 ครั้งที่ 5 และการประชุมสภาปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีนชุดที่ 11 ครั้งที่ 5 ที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
แต่เพราะราคาบ้านที่แพงสุดกู่ในปัจจุบัน ซึ่งสืบเนื่องมาจากการขยับราคาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ทำให้คำว่า "ฝางนู๋ (房奴)" หรือทาสบ้าน เป็นที่นิยมใช้พูดติดปากและได้ยินติดหูแพร่หลายอย่างรวดเร็วในปี 2006 จนต่อมาในเดือนสิงหาคม ปี 2007 ทางกระทรวงศึกษาธิการจีนก็ได้ออกประกาศบัญญัติให้คำนี้เป็นหนึ่งใน 171 คำศัพท์ใหม่เป็นที่เรียบร้อย
ฝางนู๋ โดยทั่วไปหมายถึงผู้ที่ต้องแบกรับภาระการจ่ายค่างวดบ้านเกินกว่า 1/3ของรายได้
ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงในการผ่อนชำระ ส่งผลให้สุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตตกต่ำ
เนื่องจากแรงกดดันจากหนี้สินที่ต้องแบกรับ
ภาษาจีนคำว่า "ฝาง" หมายถึงบ้าน และ "นู๋" หมายถึงทาส ดังนั้น ฝางนู๋ (房奴) หรือทาสของบ้าน จึงเป็นคำเปรียบเปรยที่ใช้เรียกแทนผู้ที่ซื้อบ้านโดยอาศัยการจำนองผ่อนจ่ายชำระค่าบ้าน ทำให้ช่วงเวลาทองแห่งชีวิตราว 20-30 ปี ดำเนินไปในรูปแบบที่ต้องหักรายได้ 40-50% หรือมากกว่านั้น
เพื่อผ่อนชำระค่างวด คืนเงินต้นและดอกเบี้ยที่ไปกู้ยืมมา ซึ่งนับเป็นแรงกดดันระยะยาว ที่สืบเนื่องจากการซื้อบ้านเพียงครั้งแต่กลับส่งผลต่อการบริโภคจับจ่ายใช้สอยของตนและสมาชิกในครอบครัว ต้องอยู่กันอย่างกระเบียดกระเสียร ลดนั่น ตัดนี่ งดหาความสำราญให้ชีวิต
อาจถึงขั้นวิตกจริตกลัวตกงาน กลัวเจ็บป่วย ทำให้คุณภาพชีวิตตกต่ำ สุขภาพจิตเสื่อมถอยตามกันไปด้วยได้ เรียกว่าเงินทองที่หามาเลือดตาแทบกระเด็นนั้น ไม่ใช่เพื่อหาเลี้ยงตนและครอบครัว แต่เพื่อเลี้ยงบ้านล้วนๆ และถ้ามองย้อนไปในสมัยโบราณก็มีตัวอย่าง "ทาสบ้าน" ปรากฏให้เห็นเช่นกัน ซึ่งถ้ายึดเอาตามความหมายของคำดังที่กล่าวไปข้างบน ผู้ที่ได้รับเกียรติได้ชื่อว่าเป็น ทาสบ้าน คนแรกนั้นก็คือ 1 ใน 4 นักปราชญ์ชื่อดังแห่งเจียงหนาน "ถังป๋อหู่ (唐伯虎)" นั่นเอง
ภาพยนตร์เรื่อง ถังป๋อหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ (唐伯虎点秋香 )
นำแสดงโดย โจวซิงฉือ (周星驰) และก่งลี่ (巩俐) ออกฉายปี 1993
เล่าขานกันว่า ถังป๋อหู่ ตอนมีชีวิตอยู่นั้นได้ติดตาต้องใจคฤหาสน์ใหญ่หลังหนึ่งในเมืองซูโจวเข้า ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า ถังป๋อหู่ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีสติปัญญาสามารถสอบได้เป็นที่หนึ่งแห่งเจียงหนาน แล้วยังมากความสามารถเป็นที่ยอมรับในฝีมือ ทั้งการวาดภาพ แต่งกลอน และเขียนพู่กันจีน อนาคตไปสอบจอหงวนที่เมืองหลวงนั้นสดใสปลอดโปร่งเป็นแน่แท้
ดังนั้น การจะหาเงินจ่ายค่าบ้านจึงไม่น่าจะเป็นปัญหา ขอเพียงตวัดปลายพู่กันนิดหน่อยเงินทองก็ต้องไหลมาเทมาให้ใช้สอยได้ไม่ขาดมือ แต่ใครจะรู้อนาคตที่แน่นอนกลับไม่แน่นอนเอาซะง่ายๆ การเดินทางไปสอบจอหงวนในปีถัดไปนั้นตำแหน่งจอหงวนกลับหลุดลอย เพราะการรั่วไหลของข้อสอบคัดเลือก ซึ่งถังป๋อหู่ต้องโดนหางเลข ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการทุจริตการสอบ จึงหมดสิทธิ์เข้าสอบไปโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่
ด้วยเหตุนี้ หนทางสุกสว่างแห่งการก้าวขึ้นเป็นขุนนางมีเกียรติยศชื่อเสียง พรั่งพร้อมด้วยเงินทอง พลันดับวูบลงในพริบตา แต่เพราะความมุ่งมั่นเมื่อหมายตาคฤหาสน์หลังงามนี้ไว้แล้วก็ไม่เปลี่ยนใจ ตัดใจเอาหนังสือที่ตนสะสมไว้ส่วนหนึ่งไปจำนองเป็นค่าบ้านแทน แล้วก็อาศัยการเขียนภาพขายภาพนานร่วมสองปีจนชำระค่าบ้านได้หมด ซึ่งเรื่องเล่าขานต่างๆ เกี่ยวกับถังป๋อหู่ ย่อมผ่านการแต่งเติมสีสัน
อาทิ ภาพยนตร์เรื่อง ถังป๋อหู๋ใหญ่ไม่ต้องประกาศ ก็ถือว่าเป็นการนำเอา ถังป๋อหู่หรือถังอิ๋น (唐寅 ค.ศ. 1470-1523) ที่มากความสามารถและมีชีวิตอยู่จริงในสมัยหมิงมาเป็นต้นแบบ เพราะถังป๋อหู่นั้นแม้จะเก่งฉกาจมากความสามารถจริงอย่างในเรื่อง แต่ก็ไม่ได้เป็นหนุ่มเจ้าสำราญและมากภรรยาอย่างที่เล่าลือกัน โดยเมื่อภายหลังชีวิตต้องตกระกำหมดโอกาสเข้ารับราชการแล้ว ภรรยาคนแรกซึ่งก็ไม่ใช่ "แม่นางชิวเซียง" อย่างในเรื่องก็ได้เลิกร้างจากกันไป และมาพบรักมีภรรยาใหม่คนที่สอง ชื่อ "เสิ่นจิ่วเหนียง (沈九娘)" ซึ่ง "จิ่วเหนียง" หรือแม่นาง 9 นี้ น่าจะเป็นที่มาแห่งเรื่องที่ว่ามีภรรยา 9 คน
เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府