ยำเกร็ดย่อยเกี่ยวกับ เงิน เรื่องแรกขอพูดถึงเรื่องของเงินจีนในสมัยโบราณ ที่ภายหลังจักรพรรดิจิ๋นซีได้ประสบความสำเร็จในการรวบหกแคว้นรวมจีนให้เป็นหนึ่งได้เรียบร้อยแล้ว ก็ได้ทำการปฏิรูปภาษา ตัวหนังสือ และปรับระบบเงินตราแลกเปลี่ยนเพื่อความเป็นเอกภาพหนึ่งเดียวกันด้วย ซึ่งเงินเหรียญในยุคนั้นมีชื่อเรียกว่า "ปั้นเหลี่ยง (半两)" หรือ "ฉินปั้นเหลี่ยง (秦半两)" โดยมีลักษณะเป็นเหรียญทรงกลม มีรูตรงกลางตามอย่างเหรียญ "หวนเฉียน (环钱)" ที่มีรูสำหรับร้อยเป็นพวงอย่างที่เคยใช้กันมาในอดีต แต่ได้ปรับเปลี่ยนจากรูกลมตรงกลางเป็นรูสี่เหลี่ยมแทน

ผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยได้ตั้งข้อสมมติฐานในการปรับเปลี่ยนนี้ว่า หนึ่งเพื่อช่วยให้ง่ายในเรื่องของการวางตำแหน่งตัวหนังสือบนเหรียญ และสองเพื่อให้สะดวกต่อการเก็บชิ้นงานในขั้นตอนสุดท้าย อาทิ เกลาตะไบขอบเหรียญ คือ เมื่อนำเหรียญที่รูตรงกลางเป็นสี่เหลี่ยมไปเสียบเข้ากับแกนจะช่วยจับยึดเหรียญไม่ให้หมุนเขยื้อนเวลาทำการตกแต่ง

และเพราะในอดีตยังไม่มีการก่อตั้งธนาคาร เมื่อไม่มีใครรับฝากเงินและหรือจะเอาไปฝากใครก็ไม่ไว้ใจเท่ากับไว้กับตัวเอง เกร็ดย่อยที่สองจึงขอเอ่ยถึงวิธีการเก็บเงินของคนจีนในสมัยโบราณ ที่พวกมีอันจะกินร่ำรวยเงินทองทั้งหลายขบคิดหาวิธีเก็บรักษาเงินทองให้อยู่รอดปลอดภัยด้วยอาศัยกลวิธีการฝัง ซุก และซ่อนสารพัดรูปแบบ

อาทิ สร้างห้องลับใต้ดินที่อาจขุดกันลงไปกลางบ้านเลย แล้วก็นำเงินก้อนเงินตำลึงทั้งหมดที่มีไปหลอมรวมให้เป็นก้อนใหญ่ เพื่อที่ว่าหากโจรมาเจอเข้าก็อย่าหวังว่าจะขนขโมยไปได้เพราะมันหนักเหลือคณายากเกินจะแบกหนี คือ เชื่อว่าพวกโจรอย่างมากก็ได้แค่ลูบคลำแล้วก็ต้องตัดใจกลับออกไปมือเปล่ากันเป็นแน่ ซึ่งความใหญ่หนักนี้ย่อมไม่เป็นปัญหาสำหรับเจ้าของ เพราะเวลาเจ้าของต้องการจะใช้ก็อาศัยวิธีกระเทาะออกมาเป็นก้อนเล็กๆ ทำเป็นครั้งๆ ไป นอกจากนี้ยังอาศัยการเจาะช่องแอบซุกไว้ตามกำแพงตามหน้าต่างถือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ

ส่วนพวกที่ไม่ต้องการความธรรมดาก็จะคิดรอบและละเอียดลึกไปกว่านั้น ให้แค่ขุดหลุมลึกแล้ววางกลบมันก็ยังไม่น่าจะกันการสูญหายได้ดีพอ ต้องขุดวางแล้วมีแผนซ้อนอีกขั้นถึงจะเพิ่มความมั่นให้ได้ว่าเงินข้านี้ปลอดภัยแน่ ด้วยเหตุนี้หลังจากที่ขนลังบรรจุเงินก้อนทั้งหลายลงไปวางไว้ก้นหลุมลึกราวสามเมตรแล้ว ก็จัดการกลบสูงขึ้นมาเหลือความลึกประมาณครึ่งหนึ่ง แล้วค่อยวางตามต่อด้วยลังสมบัติอื่นๆ ที่มูลค่าน้อยกว่า อาทิ พวกเหรียญเงินทองแดง จากนั้นก็จัดการกลบต่อจนเรียบขึ้นมาเสมอพื้นผิวดังเดิมอีกที ซึ่งหากอยู่ในสวนหลังบ้านก็จะมีการปลูกหญ้าปลูกดอกไม้พรางทับไว้อีกชั้น เพื่อที่ว่าหากมีคนแอบพบลอบขโมยขึ้นมา พอขุดเจอลังเงินสมบัติชั้นบนแล้วก็จะหลงกลดีใจหยุดขุดอยู่เพียงเท่านั้น ไม่คิดว่าข้างล่างมีสมบัติล้ำค่ายิ่งกว่า

ธนบัตรเงินจีน "เหรินหมินปี้ แบบที่ 5"

ใบละ 100 หยวนและ 50 สิบหยวนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

และกับเกร็ดย่อยที่สามขอหยิบเรื่องสนุกๆ ในการใช้จินตนาการมาตีความลวดลายภาพบนหน้าธนบัตรเงินจีนฉบับใบละร้อยหยวนและห้าสิบหยวน ที่เป็นข่าวฮือฮาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมานักท่องเน็ตชาวจีนต่างให้ความสนใจและส่งต่อภาพการค้นพบลวดลาย "กุ้ยไป้เมา (跪拜猫) " หรือเจ้าแมวคารวะ 3 ตัวที่ปรากฏชัดอยู่ข้างใบหน้าประธานเหมาฯ ทั้งด้านซ้ายและขวาบนธนบัตรใบละร้อยหยวน โดยหนึ่งตัวตรงกลางอยู่ในลักษณะยืนตรงอ้าปากพร้อมชูสองขาหน้าขึ้น อีกสองตัวคุกเข่าขนาบข้างและต่างยกชูสองขาหน้าด้วยเช่นกัน มองแล้วทั้งสามเหมือนกับกำลังทำท่าคารวะให้คำนับเทิดทูนไม่ผิดเพี้ยน

"กุ้ยไป้เมา" สามเหมียวขอคารวะ ที่อาศัยจินตนาการสนุกๆ มาผนวกตีความลวดลายบนธนบัตรจีนใบละหนึ่งร้อยหยวน

ภายหลังทางธนาคารประชาชนจีนหรือแบงค์ชาติจีน ได้ออกมาให้ความกระจ่างว่า ลวดลายดังกล่าวนั้นมาจาก ลวดลายบนเครื่องเคลือบยุคสมัยจั้นกั๋วที่ขุดพบในบริเวณเขาอวี่ไถซัน อำเภอเจียงหลิง มณฑลหูเป่ยนั่นเอง ซึ่งจางหยาง นักสะสมวัตถุโบราณล้ำค่าให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การเขียนลายประดับตามเครื่องเคลือบ เครื่องปั้นดินเผา เครื่องทองสัมฤทธิ์ในสมัยเก่ายุคจั้นกั๋ว ที่พบโดยมากแล้วจะเป็นภาพนก มังกร สิงสาราสัตว์ต่างๆ เสียส่วนใหญ่ โดยจะวาดออกมาในลักษณะที่มีความสมดุล ซึ่ง "กุ้ยไป้เมา" มีคุณลักษณะเข้าค่ายในเรื่องนี้ แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า มีลวดลายที่เกี่ยวข้องกับแมวแต่อย่างใด อาจเป็นไปได้ว่าผู้ออกแบบ "แมวคารวะ" นี้ได้อาศัยงานเขียนลายของยุคสมัยจั้นกั๋วมาเป็นพื้น แล้วทำการปรับนั่นแต่งนี่ต่ออีกทีหนึ่ง

และในช่วงปลายเดือนกุมภาฯ ไม่กี่วันที่ผ่านมา นักท่องเน็ตชาวจีนก็ตื่นเต้นอีกครั้งกับการค้นพบหน้าตัวเอกทั้งสี่จากเรื่อง "ไซอิ๋ว หรือซีโหยวจี้ (西游记)" แทรกอยู่ในลวดลายบนหน้าธนบัตรฉบับใบละห้าสิบหยวน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้แสดงความเห็นว่า เป็นเรื่องของความบังเอิญอีกครั้งเท่านั้น ซึ่งผู้เล่นเน็ตทั้งหลายภายหลังจากเห็นภาพ บ้างให้ความชื่นชมยอมรับในความช่างสังเกตและนับถือในความสามารถการใช้จินตนาการของผู้พบ บ้างแสดงความเห็นในเชิงกระทบกระเทียบว่า "คงว่างมากไม่งั้นคงไขความลับนี้ไม่ได้แน่" และบ้างก็ว่านี่เป็นเพียงการสร้างกระแสเพื่อโปรโมทผลงานไซอิ๋วภาคใหม่เท่านั้น

ภาพจำลองใบหน้า พระถัง เห้งเจีย โป๊ยก่าย และซัวเจ๋ง

4 ตัวละครเอกจากเรื่องไซอิ๋ว บนแบงค์ห้าสิบหยวนของจีน

ซึ่งถ้ามองจากภาพประกอบข้างบนแล้วก็ขอยอมรับว่าช่างละม้ายคล้ายคลึงเสียจริงๆ แต่เมื่อได้ลองหยิบธนบัตรของจริงขึ้นมาลองส่องดูตามบ้าง โดยที่หากไม่ได้ได้เห็นภาพตัวอย่างชี้นำดังกล่าวมาก่อนล่วงหน้า ก็ต้องขอยอมรับอีกเช่นกันว่าต้องอาศัยจินตนาการ ไม่อย่างนั้นคงยากนักที่จะหาได้เจอ

ดังนั้น จึงมีบางเสียงสะท้อนว่าออกจะมั่วนิ่มไปสักหน่อย "ถ้าเอาตามอย่างนี้ หยิบกระดาษขาวมาแผ่นนึง บอกว่ามีอะไรก็มีอะไรได้เหมือนกัน" แต่จะอย่างไรก็ตามการค้นพบภาพเรื่องต่างๆ บนธนบัตรเหรินหมินปี้เหล่านี้ นับว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นให้ชาวเน็ต ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็คือกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ของจีน หันมาให้ความสนใจและอยากทำความรู้จักเข้าใจถึงวัฒนธรรมความเป็นมาที่แอบซ่อนไว้ในตัวธนบัตรเหรินหมินปี้นี้ได้เป็นอย่างดี

เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府