ผู้เข้าร่วมงานรุมกันชิมผลไม้สุดอร่อยของไทย

ดังนั้นการตัดสินใจออกเดินทางของนักธุรกิจระดับมหาเศรษฐีที่ใครๆ ก็ทราบดีว่าประสบความสำเร็จจากการทำงานขนาดไหน อีกทั้งก็เป็นการเดินทางระยะไกลบนพื้นดินของคนวัย 59 ปีด้วย จึงเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ขบวนคาราวานเอเชีย 2012 นี้ ยังนับเป็นการเดินทางโดยกลุ่มรถบ้านขนาดใหญ่ของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลุ่มแรกผ่านภูมิภาคนี้ด้วย

วิกรม กรมดิษฐ์ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางว่า นอกจากเดินตามความฝันของตัวเองแล้ว ยังต้องการที่จะประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย การทูตแบบเจริญสัมพันธไมตรี การลงทุนและการส่งออกของประเทศไทย การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของเพื่อนบ้านที่กำลังจะหลอมรวมกันเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2015 พร้อมกันนี้ตลอดการเดินทางจะมีการบันทึกเทปโทรทัศน์โดยทีมงานมืออาชีพจากบริษัทพาโนราม่า เวิลด์ ไวด์ จำกัด ซึ่งจะมีการตัดไปฉายออกอากาศหลังเสร็จสิ้นการเดินทาง และส่วนตัวของวิกรม กรมดิษฐ์ เอง ยังทำหน้าที่บันทึกการเดินทางผ่านลายลักษณ์อักษรเพื่อพิมพ์เป็นหนังสือจำหน่ายภายหลังด้วย

ซึ่งระหว่างการเดินทางครั้งนี้สามารถติดตามทุกขบวนล้อของรถบ้านสามคันและรถกระบะวีโก้อีกสองคันได้ทางเฟซบุ๊กส่วนตัวของวิกรมเองที่ Vikrom Kromadit

หลังเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์บนเวทีแล้ว วิกรมได้พาทีมงานของสถานีโทรทัศน์ซินเทียนตี้มาชมรถบ้าน ซึ่งในวันนั้นพามาด้วยเพียงหนึ่งคัน ซึ่งเป็นรถวิกรมโดยสารมา

รถบ้านที่นำชีวิตชาวไทยหลายชีวิตเดินทางกว่า 40,000 กิโลเมตร

วิกรมเล่าไว้ในหนังสือบันทึกการเดินทางโดยขบวนรถบ้านครั้งแรกว่า รถคันนี้ประกอบขึ้นโดยบริษัทรถบรรทุกฮีโน่ของญี่ปุ่นซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ และทำการดัดแปลงจากรถบรรทุกขนาด 6 ล้อ โดยนักออกแบบรถบ้านอาวุโสชาวญี่ปุ่น

ทีแรกนั้นวิกรมคิดว่ารถคันเดียวน่าจะพอในการเดินทาง แต่ทางผู้ออกแบบแนะนำว่าต้องแยกเป็น 3 คัน เพราะมีทีมงานจำนวนมาก การเดินทางไกลและตั้งใจว่าจะไม่เช่าโรงแรมนอนนั้น ยิ่งเป็นการสะดวกสำหรับคนที่ขับรถกระบะนำทาง เพราะจะได้มีที่พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ซึ่งนอกจากนี้ยังออกแบบให้ท้ายรถบ้านมีที่เก็บรถจักรยานยนต์และจักรยาน ไว้ใช้สำหรับในเส้นทางที่ไม่อาจเข้าถึงได้ในถิ่นทุรกันดารที่รถบ้านขนาดใหญ่เข้าถึงไม่ได้

สำหรับทีมงานในคาราวานการเดินทางครั้งนี้ประกอบด้วยหลายชีวิตด้วยกัน เริ่มจากวิกรม กรมดิษฐ์ ต่อมาก็เป็นคนขับรถทั้ง 5 คัน ช่างเครื่อง ช่างคอมพิวเตอร์และไอที ผู้จัดการคาราวาน ทีมงานถ่ายทำสารคดี และที่ขาดไม่ได้คือ "พ่อครัว" ซึ่งเป็นหัวใจหนึ่งของการเดินทาง ซึ่งคุณพันชนะ วัฒนเสถียร ผู้จัดการคาราวานของการเดินทางครั้งนี้บอกว่าเพิ่งส่งพ่อครัวกลับบ้านไปหมาด เมื่อมาถึงปักกิ่ง เพราะเริ่มอาการปวดท้องตั้งแต่อยู่ที่เทียนจิน ซึ่งเมื่อหมอตรวจแล้วพบว่าเป็นนิ่ว จึงรีบส่งกลับไปรักษาที่เมืองไทยเป็นการด่วน และจัดหามือปรุงอาหารมาประจำการแทนทันที

นี่คือเรื่องราวจุกจิกที่คาดว่าต้องเกิดขึ้นในการเดินทางระยะยาวเช่นนี้อยู่แล้ว ทีมงานจึงมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าอย่างดี เพื่อรับมือกับทุกสถานการณ์