สภาพภายในรถอันสะดวกสบาย

สำหรับรถบ้านทุกคันจะแบ่งสรรห้องนอนไว้สำหรับทุกคน รวมทั้งห้องนั่งเล่นที่สามารถมาทำกิจกรรมร่วมกันได้ ซึ่งในการเดินทางระยะไกลย่อมต้องเกิดความเบื่อหน่ายเป็นธรรมดา ดังนั้นจึงมีโทรทัศน์สำหรับสร้างความเพลิดเพลินด้วย แต่สำหรับรถคันที่วิกรมโดยสารนั้นค่อนข้างพิเศษกว่าคันอื่น เพราะในส่วนด้านหลังคนขับนั้นถูกออกแบบเป็นโต๊ะทำงานขนาดนั่งสบาย พร้อมจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถออนไลน์สั่งงานผ่านการเดินทางได้ ถัดมาเป็นห้องนั่งเล่นซึ่งสามารถปรับเป็นห้องประชุมและห้องรับแขกได้ ส่วนด้านหลังสุดเป็นห้องนอนมืดทึบที่ไม่มีหน้าต่าง เพราะวิกรมได้สั่งให้ช่างออกแบบมาอย่างนี้ โดยให้เหตุผลว่าตัวเองอยู่ที่บ้านก็นอนในห้องที่มือสนิทแบบนี้ ที่บ้านเขาใหญ่ก็เป็นบ้านที่อยู่กลางทะเลสาบที่มืดมิด ยามค่ำคืนสามารถมองเห็ยได้เพียงแสงดาวเท่านั้น เมื่อต้องเดินทางก็เลยอยากได้บรรยากาศห้องที่คล้ายกัน ไม่เช่นนั้นจะนอนไม่หลับ เพราะเป็นความเคยชินหลายปี

นอกจากนี้ยังเจาะช่องเพดานตรงห้องนั่งเล่น มีบันไดปีนขึ้นไปนั่งชมวิวขณะเดินทาง และกางเต้นท์บนหลังคารถได้ด้วย

เรียกได้ว่าสะดวกสบายสำหรับทุกชีวิตที่เป็นเพื่อนร่วมเดินทางในครั้งนี้

นอกจากขับรถผ่านสถานที่สำคัญต่างๆ และการท้าทายความยาวไกลของระยะทางแล้ว ในเมืองสำคัญที่ผ่าน วิกรมยังได้จัดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นด้วย เช่นที่เวียดนาม ที่นครโฮจิมินห์ มีการจัดสัมมนาในหัวข้อ "AEC beyond 2015" และ "Thai Capital Market: A Window of Opportunities" ซึ่งร่วมโดยมูลนิธิอมตะและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่โรงแรม Grand Saigon

ซึ่งการจัดสัมมนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักถึงการเตรียมความ พร้อมสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และการสนับสนุนธุรกิจไทยในต่างประเทศระดมทุนผ่านตลาดทุนของไทย โดยมีนายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานมูลนิธิอมตะ และนายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นวิทยากร ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมสัมมนา ซึ่งประกอบด้วยนักธุรกิจไทย นักธุรกิจเวียดนาม คณะกงสุลในนครโฮจิมินห์ และสื่อมวลชน รวมกว่า 100 คน

เยี่ยมสุสานบรรพชนระหว่างทางผ่านเมืองซัวเถา

ที่หนานหนิงก็มีการจัดบรรยายประสบการณ์ทางธุกิจให้กับนักศึกษาจีนฟังด้วย เพราะเมืองนี้เป็นประตูของประเทศจีนที่เปิดสู่อาเซียน

และเมื่อผ่านมณฑลกว่างตง วิกรม กรมดิษฐ์ ก็ได้แวะไปยังเมืองซานโถ (ซัวเถา) เพื่อคาราวะบรรพชนของตนเองอีกด้วย

ส่วนที่กรุงปักกิ่งนอกจากมาร่วมงานที่ซีอาร์ไอแล้ว ก็ได้ร่วมประชุมโต๊ะกลมกับ China-Asian Business Council และสมาคมธุรกิจต่างๆ

นี่คือเส้นทางในประเทศที่ 4 ของการเดินทาง "วิถีเพื่อนบ้าน คาราวานเอเชีย 2012"

และยังมีจุดหมายที่สำคัญอีกมากมายในประเทศที่กว้างใหญ่นี้ที่รอให้ชาวคณะผู้รักการเดินทางจากเมืองไทยไปสัมผัส ก่อนที่จะข้ามพรมแดนไปยังประเทศที่เราคนไทยรู้จักกันดีจากข่าวพยากรณ์อากาศที่ว่า "อากาศเย็นในเมืองไทยเกิดจากกระแสลมหนาวจากมองโกเลีย"

ซึ่งต้องคอยติดตามกันว่า เมื่อถึงที่นั่นแล้วการหนีร้อนครั้งนี้จะได้พึ่งความเย็นในองศาที่เท่าไร

และดูกันว่าชาวไทยกลุ่มนี้ยังจะทำให้ใครประทับใจกับความมุ่งมั่นของพวกเขาอีกบ้าง

ให้สัมภาาณ์ที่สนามกีฬารังนก กรุงปักกิ่ง

พัลลภ สามสี