采访泰中友协会长
|
การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับราชอาณาจักรไทยอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2518 นั้น มีบุคคลสำคัญท่านหนึ่งที่ได้มีส่วนร่วมในโอกาสที่จีนกับไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกันและตลอดในช่วงเกือบ 40 ปีของการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทย ท่านผู้นี้ก็มีบทบาทอย่างมากมาตลอด วันนี้ทางรายการได้รับเกียรติจากท่านอดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันท่านเป็นนายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน คุณกร ทัพพะรังสี จะมาสะท้อนเรื่องราวเกี่ยวกับมิตรภาพไทย-จีนและแนวทางในการสานสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ซีอาร์ไอ:สวัสดีค่ะ ท่านนายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน
กร ทัพพะรังสี:จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนนั้นมีขึ้นวันที่ 1 เดือนกรกฎาคมปีพ.ศ.2518 หรือ July 1975 ในขณะนั้น ผมเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคือ ฯพณฯ ชาติชาย ชุนหะวัณ เราก็เป็นทีมงานในกระทรวงการต่างประเทศที่ได้ร่วมกันทำงานเพื่อจะเตรียมตัวให้ท่านนายกคึกฤทธิ์ ปราโมชเป็นผู้ไปลงนามที่กรุงปักกิ่ง วันเวลาผ่านมาแล้วปีนี้ก็ย่างเข้าปีที่ 40 วันที่ 1 กรกฎาคมปี 2015 ก็ครบรอบ 40 ปี ใน 40 ปีที่ผ่านมานี้ผมอยากจะขอเรียนว่า ผมได้ทำหน้าที่ในทุกวิถีทางที่ผมจะทำได้ทั้งสองตำแหน่งหน้าที่คือ หลายครั้งที่เป็นรัฐมนตรี เป็นรองนายกรัฐมนตรีนั้น และในโอกาสที่เป็นนายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีนนั้น ซึ่งเป็นช่องทางระหว่างประชาชนต่อประชาชน เวลาเป็นรัฐมนตรีก็เป็นช่องทางระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล ที่จะทำให้ทั้งสองประเทศ ทั้งรัฐบาลทั้งสองประเทศ ทั้งประชาชนทั้งสองประเทศ ที่มีความใกล้ชิดแน่นแฟ้นกันยิ่งขึ้นเป็นลำดับมาโดยตลอด มิได้หยุดเลย ในตลอด 40 ปีที่ผ่านมานี้ ผมไปประเทศจีนมาแล้วกว่า 100 ครั้ง แล้วก็มีเพื่อนๆ จากประเทศจีนมาเยี่ยมมากมายเหลือเกิน สิ่งนี้เป็นการยืนยันว่า ในส่วนที่ผมเริ่มต้นมา ในความเป็นหน้าที่ของเลขานุการรัฐมนตรีต่างประเทศก็ดี และในหน้าที่ความเป็นรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีก็ดี ในหน้าที่ประธานสมาคมมิตภาพไทย-จีนก็ดี เหมือนกันหมดก็คือ ใจเราต้องการจะส่งเสริมให้ความใกล้ชิดระหว่างประชาชนต่อประชาชน และประเทศชาติต่อประเทศชาติมากยิ่งขึ้น สมกับคำขวัญของสมาคมมิตรภาพไทย-จีนที่ว่า "中泰一家亲"(จีนไทยอื่นไกลพี่น้องกัน) นี่คือคำขวัญของสมาคมมิตรภาพไทย-จีน เราก็ได้ไปเยี่ยมมาหลายมณฑลมาก แล้วก็มีเพื่อนจากมณฑลต่างๆ มาเยี่ยม ผมคิดว่าในระยะ 40 ปีที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสพบกับนายกรัฐมนตรีทุกคนของประเทศจีน จนกระทั่งถึงท่านปัจจุบัน ก็มีโอกาสต้อนรับ ฯพณฯ สี จิ้นผิงที่กรุงเทพฯ แล้ว มีโอกาสต้อนรับท่านหลี่ เค่อเฉียงที่กรุงเทพฯ แล้ว แต่ยังไม่ได้พบท่านที่กรุงปักกิ่ง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนต่อประชาชนมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ เพราะผมยังจำได้ว่า ฯพณฯ โจว เอินไหลได้เคยพูดกับท่านชาติชายไว้เมื่อ 40 ปีแล้วที่กรุงปักกิ่ง ท่านโจว เอินไหลริเริ่มว่า "ท่านชาติชาย ขณะนี้ทางรัฐบาลต่อรัฐบาลมีความสัมพันธ์มิตรภาพซึ่งกันและกันแล้ว ข้าพเจ้ามีความประสงค์อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนต่อประชาชนอีกด้วย ขอให้ท่านชาติชายกลับไปที่เมืองไทย ไปตั้งสมาคมมิตรภาพไทย-จีน และข้าพเจ้าจะตั้งสมาคมมิตรภาพจีน-ไทยขึ้นที่ปักกิ่ง " นี่เป็นคำพูดของอดีตนายกโจว เอินไหล ซึ่งผมยังไม่ลืมและชื่นชมมาจนกระทั่งทุกวันนี้ นี่คือช่องทางระหว่างประชาชนต่อประชาชน ซึ่งเราไปมาหาสู่กันแน่นแฟ้นกันยิ่งขึ้นโดยตลอดมา สมกับที่บอกว่า "中泰一家亲"
ซีอาร์ไอ:ขอขอบคุณที่ให้เกียรติกับภาคภาษาไทยซีอาร์ไอ ประชาชนจีนถือว่าท่านเป็นมิตรเก่า ทราบว่าท่านมาจีนครั้งแรกเมื่อปี 1975 มาร่วมพิธีลงนามสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต จนถึงวันนี้ท่านประเมินความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในช่วงที่ผ่านมาและต่อเนื่องสู่อนาคตอย่างไรบ้าง
กร ทัพพะรังสี:ในขณะนี้ อย่างที่พูดมาแล้วว่า ผมได้นำคณะของสมาคมมิตรภาพไทย-จีน ขับรถจากกรุงเทพฯไปถึงซัวเถา นั้นทำกันมาแล้วเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ปีหน้าฉลองครบรอบ 40 ปีกำลังคิดอยู่จะทำอะไรขึ้นมาอีกให้มันเป็นประวัติศาสตร์ แล้วผมก็อยากจะยืนยันได้เลยว่า เมื่อ17 ปีมาแล้ว ผมเป็นรองนายกรัฐมนตรีคนแรกและคนเดียวที่นั่งเรือจากสิบสองปันนามาถึงเชียงรายประเทศไทย นั่งเรือออกจากสิบสองปันนา เชียงหอง เชียงรุ้ง ตอน 7 โมงเช้า มาถึงเชียงรายตอน 1 ทุ่ม 12 ชั่วโมงนั่งเรือมาโดยตลอด ผมเลยคิดว่า นั่งเรือก็นั่งมาแล้ว ขับรถก็ขับไปแล้ว กำลังจะคิดว่าเราจะทำอะไรดีสำหรับ 40 ปีมิตรภาพไทย-จีนในปีหน้า ในขณะที่กำลังทำอยู่ก็คือเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนต่อประชาชนมากขึ้นเรื่องการศึกษา ให้นักเรียนระดับมัธยมได้แลกเปลี่ยนกันทุกปี ให้นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยได้แลกเปลี่ยนกันทุกปี คือคนรุ่นใหม่ต่อไปในอานคตเขาก็จะต้องเติบโตขึ้น เขาก็จะต้องเข้าทำงาน ก็จะต้องเป็นผู้ใหญ่ เป็นนักธุรกิจ เป็นข้าราชการ เขาจะได้มีความรู้พื้นฐาน จะมีความแน่นแฟ้นกับคนจีนก่อนที่เขาจะออกไปทำงาน ก่อนที่เขาจะออกไปเป็นข้าราชการหรือนักธุรกิจ เขามีเพื่อนเป็นคนจีนแล้ว ตรงนี้ทำมาทุกปี ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมานี้ ได้ทำมาระดับนักเรียนมหาวิทยาลัย นักเรียนระดับมัธยม เป็นการเพิ่มขึ้นมาอีก แล้วก็จะเพิ่มขึ้นอีกทางด้านกีฬา ซึ่งอันนี้ผมคิดว่า สื่อแห่งความสัมพันธ์ด้านการศึกษา ด้านกีฬา ด้านวัฒนธรรม สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วจะเป็นฐานของคำว่ามิตรภาพทั้งสิ้น