“ใช้ความรู้ที่ได้เล่าเรียนมา ช่วยปรับ
ปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้อื่น”

        สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงฉลองพระองค์สีกากี เสด็จพระราชดำเนินเยือน
เจียงหนาน ท่ามกลางสายฝนปรอยๆ     และความชุ่มชื่นในฤดูใบไม้ผลิ พระองค์ได้ทรงกล่าวสุนทรพจน์ ณ
หอประชุมศูนย์กิจกรรมหย่งเชียน มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ในหัวข้อ    “ใช้ความรู้ที่ได้เล่าเรียนมาช่วยปรับ-
ปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้อื่น” นักศึกษาที่เข้าฟังต่างรู้สึกประทับใจยิ่ง ได้ทูลเกล้าฯ ถวายช่อดอกไม้ และ
ปรบมือด้วยความชื่นชม พระองค์ทรงโบกพระหัตถ์แก่ผู้เข้าเฝ้าฯ ในหอประชุมด้วยพระพักตร์ที่ยิ้มแย้ม
แจ่มใส
    ในหอประชุม นักศึกษาคณะต่างๆ ของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง และนักศึกษาไทยที่ไปศึกษาต่อ ณ มหา-

วิทยาลัยแห่งนี้มาชุมนุมด้วยความพร้อมเพรียงกัน   ท่านจางซี
เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์   ประจำมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ได้
กราบบังคมทูลสาระข้อมูลสภาพสังเขปของมหาวิทยาลัยเจ้อ-
เจียง จากนั้นได้ให้สารสนเทศพระราชประวัติและพระราชนิพนธ์
ที่เกี่ยวกับประเทศจีน     เมื่อกล่าวถึงข้อสนเทศการได้ทรงซอ
เอ้อร์หูบรรเลงดนตรีพื้นบ้านของจีนและทรงร้องเพลง   “ทะเล
เอ๋ย บ้านเกิด” ด้วยภาษาจีนในงานเลี้ยงถวายการต้อนรับเสียง
ปรบมือก็ดังก้องหอประชุม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม
บรมราชกุมารี ทรงลุกขึ้นคำนับผู้ฟังด้วยพระราชอัธยาศัยที่อ่อน
น้อมถ่อมตน ท่านจาง ได้ทูลเกล้าฯถวายหนังสือแต่งตั้งให้ทรง
เป็นศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ประจำมหาวิทยาลัยเจ้อ
เจียง พร้อมกับถวายของที่ระลึกต่างๆของมหาวิทยาลัยด้วย
          สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีมีพระ-
ราชอัธยาศัยที่อ่อนโยนละมุนละม่อม และยังทรงพระปรีชาด้าน
ภาษาต่างประเทศหลายภาษา ทรงกล่าวสุนทรพจน์ด้วยภาษา
จีนที่คล่องแคล่วนาน 10 กว่านาที ทรงขอบใจมณฑลเจ้อเจียง
นครหางโจว และมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง     มีความตอนหนึ่งว่า
“สิ่งที่มีความหมายมากที่สุดในการเยือนนครหางโจวครั้งนี้ก็
คือ การเยือนมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ข้าพเจ้าเคยมามณฑลเจ้อ-
เจียงก่อนหน้านี้   แต่น่าเสียดายที่มิได้มาเยี่ยมชมมหาวิทยาลัย
เจ้อเจียง     อธิการบดีมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงได้ไปเยือนสถาบัน
อุดมศึกษาที่ประเทศไทย ได้เข้าพบข้าพเจ้าในระหว่างการเยี่ยม
เยือนนี้ ข้าพเจ้าจึงรู้สึกยินดียิ่งที่ได้มาเยือนตอบ”

              สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รับ
สั่งด้วยพระราชอัธยาศัยถ่อมตนเป็นกันเองว่า ทรงโชคดีที่สอบ
เอนทรานส์เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยได้ ทำให้ทรงมีโอกาส
ศึกษาหาความรู้ในมหาวิทยาลัย ทรงคิดเสมอว่า   “จะใช้ความ
รู้ที่ได้เล่าเรียนมา     ช่วยปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้อื่น ให้
ผู้อื่นได้มีโอกาสเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเช่นกัน” ทรงเน้นย้ำ
ว่า มหาวิทยาลัยเป็นกำลังสำคัญแห่งการพัฒนาในสังคมปัจจุบัน
เพราะมหาวิทยาลัยประกอบด้วยผู้คนที่มีความรู้จำนวนมาก
บุคคลที่มีภูมิปัญญาเหล่านี้ เป็นผู้นำในการดำเนินกิจกรรมภาค
ปฏิบัติต่างๆ ของสังคม
               สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรง
หวังว่า มหาวิทยาลัยของไทยจะสามารถดำเนินการความร่วมมือ
กับมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงได้มากยิ่งขึ้นทั้งในด้านวิทยาศาสตร์
คอมพิวเตอร์ วิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีชีวภาพ      นาโนเทค-
โนโลยี ภาษาศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ฯลฯ     ทรงเห็นว่า เมื่อ
มีความร่วมมือกันอย่างกว้างขวาง     สถาบันอุดมศึกษาของไทย
ก็จะเข้าใจการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ
อื่นได้มากขึ้น ก็จะช่วยเกื้อกูลให้สามารถผลิตบุคลากรที่มีความ
รู้ในวิทยาการทันสมัยได้   ทรงอวยพรให้นักศึกษามหาวิทยาลัย
เจ้อเจียงทุกคนจงมี         “สุขภาพดี เล่าเรียนดี ขยันหมั่นเพียร
ต่อๆ ไป เพื่อประสบผลสำเร็จที่มากยิ่งขึ้น”     พร้อมกันนี้ได้ทรง
อำนวยพรให้ไมตรีจิตมิตรภาพระหว่างไทย-จีนทั้งสองประเทศ
จงสถาพรยั่งยืนนาน

การเฉลิมฉลองเนื่องในวโร กาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จะทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีในวันที่ 9 มิถุนายน 2549

           พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์
ลำดับที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี โดยทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ
ในด้านต่างๆ เพื่อพสกนิกรชาวไทย ด้วยความห่วงใยในทุกข์
สุขของอาณาประชาราษฎร์ นับแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่
หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นต้นมา พระองค์ได้เสด็จพระ-
> ราชดำเนินไปเยี่ยมประชาชนตามพื้นที่ต่างๆ ทั่่วประเทศโดย
เฉพาะในพื้นที่ชนบทยากจนห่างไกลและทุรกันดารโดยประทับ
อยู่ภูมิภาคต่างๆ เพื่อทรงค้นหาข้อมูลที่แท้จริงจากประชาชน
เจ้าหน้าที่ของรัฐประจำพื้นที่และทรงสังเกตการณ์สำรวจสภาพ
ทางภูมิศาสตร์ไปพร้อมๆ กันด้วย ทั้งนี้ เพื่อทรงรวบรวมข้อมูล
ไว้เป็นแนวทางที่จะพระราชทานพระราชดำริให้ดำเนินงานโครง
การอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่อไปทั้งนี้โครงการอันเนื่อง
มาจากพระราชดำริมีอยู่หลายสาขาและมีชื่อเรียกแตกต่างกัน
ไป อาทิโครงการตามพระราชประสงค์โครงการหลวงโครงการ
ในพระบรมราชานุเค
ราะห์และโครงการตามพระราชดำริ เป็นต้น
              นอกจากพระอัจฉริยภาพสูงส่งในด้านเกษตรกรรม
การบริหารจัดการน้ำ และเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งถือเป็นหลัก
สำคัญที่นำไปปฏิบัติได้อย่างแท้จริง   เพื่อความผาสุกของปวง
ชนชาวไทย       พระองค์ยังทรงมีพระราชอัจฉริยภาพด้านการ
ดนตรี งานศิลปะ และด้านหัตถกรรมด้วย
     ในโอกาสที่ปี 2549 เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ
ครบ 60 ปี   ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัฐบาลไทยจึง
จัดกิจกรรมการเฉลิมฉลองตลอดทั้งปี   เพื่อเป็นการถวายพระ-
เกียรติ   นอกจากนี้   พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครอง
ราชย์เป็นเวลายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย และยาวนาน
ที่สุดในโลกด้วย ในโอกาสนี้   งานพระราชพิธีและงานพระราช
พิธีทางศาสนา จะจัดขึ้นระหว่างวันที่     8-10 มิถุนายน 2549
นอกจากนี้ รัฐบาลไทยจึงได้กราบบังคมทูลเชิญพระประมุขจาก
ประเทศต่างๆ รวมทั้ง พระสวามีหรือพระราชินี มกุฏราชกุมาร
ราชย์เป็นเวลายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย และยาวนาน
ที่สุดในโลกด้วย ในโอกาสนี้ งานพระราชพิธีและงานพระราช
พิธีทางศาสนา จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 มิถุนายน 2549
นอกจากนี้รัฐบาลไทยจึงได้กราบบังคมทูลเชิญพระประมุขจาก
ประเทศต่างๆ รวมทั้ง พระสวามีหรือพระราชินี มกุฏราชกุมาร
และพระบรมวงศานุวงศ์จากประเทศต่างๆ     เสด็จมาร่วมงาน
ฉลองสิริราชสมบัติฯ ระหว่างวันที่ 12-13 มิถุนายน 2549 ด้วย
       นอกจากนี้ กิจกรรมสำคัญอีกกิจกรรมหนึ่งซึ่งจะจัดขึ้น
เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติฯ และถวายความจงรักภักดี รัฐบาล
ไทยจึงได้มีมติจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ
ราชพฤกษ์ 2549 ระหว่างวันที่ 1     พฤศจิกายน 2549 - 31
มกราคม 2550 ณ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ อำเภอเมือง

จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้งานดังกล่าวได้รับการรับรองจากสมาคม
พืชสวนระหว่างประเทศ(AssociationofHorticulturalProduc-
ers AIPH) และสำนักงานมหกรรมโลก (Bureau International
des Exhibitions BIE) โดยจะมีการแสดงความหลากหลายของ
พืชพรรณไม้ต่างๆ กว่า     2,200 ชนิด       จำนวนกว่า 2 ล้าน 5
แสนต้น ซึ่งนับว่าเป็นมหกรรมพืชสวนโลกเขตร้อนชื้นที่สมบูรณ์
ที่สุดของโลก      โดยมุ่งเน้นการเผยแผ่พระเกียรติคุณและพระ-
อัจฉริยภาพในด้านการเกษตรกรรมและโครงการในพระราช-
ดำริ ซึ่งได้ทรงคิดค้นและก่อตั้ง เพื่ออำนวยประโยชน์สุขให้แก่
ประชาชนชาวไทย
            นอกจากกิจกรรมดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีกิจกรรมพิเศษ
ที่จัดขึ้นเฉพาะในปีนี้โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)
ได้จัดโครงการ Thailand Grand Invitation 2006 โดยมีรัฐบาล
ไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีและปวงชนชาวไทยทั้งภาค-
รัฐและเอกชนเป็นเจ้าภาพในการเชิญชาวชาวไทยในต่างประเทศ
และชาวต่างชาติมาร่วมเฉลิมพระเกียรติ       และถวายพระพรพระ-
บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว         รวมทั้งเป็นการเผยแพร่ประชาสัม-
พันธ์ความพร้อมของประเทศไทยในการต้อนรับนักท่องเที่ยว
ในการนี้ ททท.   ร่วมมือกับแต่ละจังหวัด หน่วยงานราชการ และ
รัฐวิสาหกิจ   คัดสรรสินค้า   บริการ   และกิจกรรมทางการท่อง-
เที่ยวที่โดดเด่นมานำเสนอและประชาสัมพันธ์      เพื่อให้นักท่อง-
เที่ยวสนใจเดินทางมาสัมผัสการบริการแบบไทยในมาตรฐาน
สากลตลอด 1     ปีของโครงการโดยมีแนวคิดในการนำเสนอแบ่ง
ออกเป็น Theme ต่าง ๆ ได้แก่
    1. Grand Destination ซึ่งนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่น
และมีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว
           2. Grand Event & Grand Festival เป็นกิจกรรมที่หลาก
หลายทั้งทางด้านประเพณีวัฒนธรรม       การกีฬา ในแต่ละท้อง
ถ่ิน ในทุกๆ เดือนตลอดปี
             3. Grand Service เป็นการบริการต้อนรับนักท่องเที่ยว
ในด้านที่พัก ร้อนอาหาร     สินค้า การคมนาคมขนส่ง และการ
อำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว โดยหน่วยงานภาครัฐ
และเอกชน
     4. Grand Opening เป็นการเปิดแหล่งท่องเที่ยวหรือการ
ให้บริการทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ ของหน่วยงานต่างๆ อาทิ
การเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นต้น
                ทั้งนี้ เชื่อว่า ชาวต่างชาติจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก
และคนไทยทั้งในและต่างประเทศจะร่วมกันเฉลิมฉลองวโรกาส
อันสำคัญนี้ เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่รักในทุก
กิจกรรมต่อไป