ผู้ปกครองและบัณฑิตจบใหม่ในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง
สำหรับนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในประเทศจีน หลังจากการสอบเทอมที่ 2 สิ้นสุดลงประมาณกลางเดือนมิถุนายน นักศึกษาที่จบในปีนั้นก็จะมาเตรียมตัวรับปริญญากันเลย เพราะส่วนใหญ่แล้วมหาวิทยาลัยจะจัดพิธีรับปริญญาในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม อย่างเช่นที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ในปีที่แล้วนั้น นักศึกษาปริญญาตรีรับปริญญาวันที่ 7 กรกฎาคม ส่วนนักศึกษาปริญญาโทและปริญญาเอกรับในวันที่ 8 กรกฏาคมค่ะ
ก่อนจะถึงวันรับปริญญา ทางมหาวิทยาลัยจะแจกชุดครุยมาให้บัณฑิตก่อนล่วงหน้า โดยบัณฑิตต้องจ่ายเงินมัดจำไว้ และหากนำชุดครุยไปคืนเมื่อสิ้นสุดพิธีรับปริญญาก็จะได้รับเงินมัดจำคืนเต็มจำนวน ดังนั้น ช่วงประมาณปลายเดือนมิถุนายน ถึงต้นเดือนกรกฎาคม เราก็จะเห็นบัณฑิตทั้งหลายสวมชุดครุยไปถ่ายรูปกันตามมุมต่างๆ ของมหาวิทยาลัย มุมที่เป็นเป็นที่นิยมกันมากก็เช่น ประตูทิศตะวันตก ทะเลสาบไร้นาม และสวนจิ้งหยวน ตามที่แนนเคยแนะนำไปแล้ว ในบทความเรื่อง "พาไปเที่ยว มหาวิทยาลัยปักกิ่ง" ค่ะ
เราสามารถดูวุฒิและสาขาวิชาของบัณฑิตได้จากชุดครุยค่ะ ที่ประเทศจีน บัณฑิตระดับปริญญาตรีจะสวมชุดครุยสีดำ ปริญญาโทสวมชุดครุยสีคราม ปริญญาเอกสวมชุดครุยสีแดง และหากสีที่ปกคอเป็นสีชมพูก็แปลว่าจบจากสาขาวิชาทางสายศิลป์ สีเหลืองคือสายวิศวะ สีเทาคือสายวิทย์ และสีขาวคือสายการแพทย์ค่ะ
(จากซ้ายไปขวา) ชุดครุยบัณฑิตปริญญาตรี ปริญญาโท และ ปริญญาเอก
ในวันรับปริญญานั้น บัณฑิตทั้งหลายจะไปรวมตัวกันที่สถานที่จัดพิธีในเวลาประมาณ 8:00 น. ในปีที่แนนรับนั้น สถานที่จัดพิธีคือสนามกีฬาของมหาวิทยาลัย (สนามแข่งขันกีฬาปิงปองในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่งในปี 2008) โดยนักศึกษา 1 คนสามารถเชิญผู้ปกครองเข้าไปได้ 1 คน ส่วนผู้ปกครองที่ไม่ได้เข้าไปนั้น ก็สามารถดูถ่ายทอดสดได้จากทีวีวงจรปิดที่ฉายอยู่ในโรงอาหารต่างๆ ค่ะ ในเรื่องการแต่งกายของบัณฑิตนั้นก็ไม่ได้เคร่งครัดอะไรมาก ข้างในชุดครุยจะใส่กระโปรงหรือกางเกงก็ได้ รองเท้าจะเป็นแบบไหนก็ได้ค่ะ
พิธีรับปริญญาเริ่มจากอธิการบดีมหาวิทยาลัยกล่าวเปิดพิธี ตามด้วยการกล่าวปราศรัยของศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จและตัวแทนนักศึกษา หลังจากนั้นบัณฑิตจะร่วมกันร้องเพลงประจำมหาวิทยาลัยพร้อมกันกับคณะนักร้องประสานเสียง
ที่ประเทศจีนนั้น ไม่มีการแจกปริญญาบัตรให้กับบัณฑิตทีละคนค่ะ วิธีการในการแสดงถึงการมอบปริญญานั้นไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมากมาย กล่าวคือมีพิธีกรเรียกชื่อคณะทีละคณะ เมื่อบัณฑิตของคณะนั้นๆ ถูกเรียกก็จะลุกขึ้นยืนพร้อมกันและกล่าวคำขวัญประจำคณะแล้วนั่งลง พิธีกรก็จะเรียกชื่อคณะอื่นต่อไปจนครบทุกคณะ เท่านี้ก็ถือเป็นการเสร็จพิธีแล้วค่ะ
สุดท้ายนั้น บัณฑิตจะเดินออกจากสถานที่จัดพิธีมาพร้อมกันทีละคณะ โดยที่หน้าประตูทางออกจะมีอาจารย์ของแต่ละคณะยืนรออยู่ เพื่อย้ายพู่ให้บัณฑิตจากทางด้านขวาของหมวกไปทางด้านซ้าย แล้วบัณฑิตก็จะเดินไปรวมตัวกันที่อาคารอีกแห่งหนึ่งเพื่อถ่ายรูปร่วมกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยและคณาจารย์ประจำคณะของตนเอง กิจกรรมทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นตอนประมาณ 12:30 น. ถือว่าเป็นการรับปริญญาที่ไม่สิ้นเปลืองทั้งเวลาและเงินทองเลยค่ะ
(ซ้ายบนและล่าง) บรรยากาศในพิธีรับปริญญา (ขวา) อาจารย์ย้ายพู่ให้กับนักศึกษา
แนนมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เกี่ยวกับบัณฑิตและการรับปริญญาของมหาวิทยาลัยปักกิ่งมาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ
1. บัณฑิตที่รับปริญญาตามลำพังมีจำนวนไม่น้อย เพราะว่านักศึกษาจีนที่นี่มากันจากแต่ละพื้นที่ บางแห่งเดินทางลำบากและต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง ผู้ปกครองจึงไม่ได้มาร่วมพิธีกันทุกคน
2. ไม่มีการขายดอกไม้ ตุ๊กตา มงกุฎหรือของขวัญต่างๆ ค่ะ
3. ช่วงรับปริญญาจะมีเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษาที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งเยอะมาก เด็กแต่ละคนดูสนใจบัณฑิตจบใหม่กันมาก บางคนมาขอถ่ายรูปด้วย บางคนมาขอหมวกไปใส่ถ่ายรูปก็มีค่ะ
4. บัณฑิตจีนหลังจากรับปริญญาเสร็จแล้วจะค่อนข้างวุ่นกับการคืนชุดครุย คืนบัตรอาหารและบัตรห้องสมุด แพ็คของกลับบ้าน ทำเรื่องย้ายออกจากหอ อีกทั้งยังต้องไปรับใบปริญญาที่ฝ่ายวิชาการของมหาวิทยาลัย ดังนั้น จะไม่ค่อยมีการเลี้ยงฉลองกันมากเท่าไหร่
5. บัณฑิตจีนส่วนใหญ่จะหางานทำกันตั้งแต่ตอนเรียนปี 4 ดังนั้น เมื่อรับปริญญาเสร็จก็จะสามารถเริ่มงานได้เลย
6. มีคำเรียกบัณฑิตที่จบจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ว่า 北大人 "เป่ยต้าเหริน" หรือ "คนเป่ยต้า"
เนื่องจาก มหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นสุดยอดของมหาวิทยาลัยในประเทศจีน ติดอันดับต้นๆ ในเอเชีย และติด 20 อันดับแรกของโลก ทำให้หลายคนคาดหวังในตัวบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นอย่างมาก โดยพวกเขาหวังว่าบัณฑิตเหล่านี้จะมีความสามารถแตกต่างจากบัณฑิตที่จบจากมหาวิทยาลัยอื่นๆ บางบริษัทก็คิดว่าบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งอาจจะเรียกเงินเดือนสูง จึงไม่ค่อยกล้าจ้างกัน ดังนั้น สำหรับนักศึกษาจีนแล้ว การเป็นบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งนั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทาย และสร้างแรงกดดันต่อพวกเขาอยู่ไม่น้อย
เมื่อมองในแง่มุมนี้แล้ว เราจะเห็นได้ว่า พิธีรับปริญญาของของบัณฑิตมหาวิทยาลัยปักกิ่งนั้นไม่ใช่แค่"การจบ"การศึกษา แต่เป็น"การเริ่มต้น"เพื่อเจอสิ่งที่ท้าทายยิ่งกว่าในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อหรือการทำงานต่างหากค่ะ
แนน