บรรยากาศและพืชพันธุ์ภายในสวนพฤกษศาสตร์ปักกิ่ง
สำหรับนักศึกษาต่างชาติอย่างแนนและเพื่อนในห้อง ช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ไม่มีการเรียนการสอน พวกเรามักจะนัดกันไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในเมือง เริ่มตั้งแต่ที่ใกล้ๆ อย่างมหาวิทยาลัยชิงหัว หรือพระราชวังฤดูร้อน ไปจนถึงที่ที่ไกลขึ้นอีกหน่อยอย่างสนามกีฬาโอลิมปิก สวนสาธารณะอวี้เยวียนถาน หรือสวนพฤกษศาสตร์ปักกิ่งที่แนนจะพาเพื่อนๆ ไปชมกันในวันนี้ค่ะ สาเหตุที่พวกเราชอบไปสวนพฤกษศาสตร์ปักกิ่งก็เพราะว่า ระยะทางไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก นั่งรถแท็กซี่ประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะฉะนั้นถ้าทุกคนว่างพร้อมกันครึ่งวันก็ไปได้ บางทีเรายังเอาอาหารไปปิกนิกกันด้วยค่ะ
สวนพฤกษศาสตร์ปักกิ่ง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่ง ติดกับภูเขาเซียงซาน ตั้งขึ้นเพื่ออนุรักษ์พืชพื้นเมืองทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เป็นแหล่งวิจัยด้านพฤกศาสตร์ของหน่วยงานรัฐบาล และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับประชาชน สวนพฤกษศาสตร์ปักกิ่งได้รับการจัดอันดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับชาติ 4 ดาว (สูงสุด 5 ดาว) มีพื้นที่ทั้งหมด 4 ตารางกิโลเมตร โดยพื้นที่ที่เปิดให้ประชาชนเข้าชมมีอยู่ 3 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วย ส่วนจัดแสดงพืชพันธุ์ แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ แหล่งอนุรักษ์ธรรมชาติ สวนเรือนกระจก และสวนกลางแจ้ง 14 แห่ง เช่น สวนโบตั๋น สวนรุกขชาติ สวนกุหลาบ สวนบอนไซ สวนท้อ สวนไผ่ ทั้งสวนมีต้นไม้ทั้งหมดกว่า 560,000 ต้น ในปีหนึ่งๆ มีผู้เข้าชมสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ประมาณ 4 ล้านคนค่ะ
(ซ้าย) คู่แต่งงานถ่ายรูปภายในสวนพฤกษศาสตร์ปักกิ่ง (ขวา) เด็กนักเรียนที่มาทัศนศึกษา
สวนพฤกษศาสตร์ปักกิ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1956 ด้วยเงินสนับสนุนจากรัฐบาลจีน แต่ได้หยุดชะงักการพัฒนาเป็นเวลา 10 ปีในช่วงของการปฏิวัติวัฒนธรรม (ปี 1966-1976) แต่หลังจากปี 1990 เป็นต้นมาก็ได้มีการพัฒนาโครงการวิจัย ขยายพื้นที่และเพิ่มพันธ์พืชขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน
เนื่องจากสวนพฤกษศาสตร์ปักกิ่งมีขนาดใหญ่มาก แนนขอแนะนำจุดท่องเที่ยวที่ควรไปให้กับเพื่อนๆ เพื่อจะได้สะดวกในการเที่ยวชมนะคะ จุดแรกก็คือ สวนเรือนกระจก ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีพื้นที่จัดแสดง 9,800 ตารางเมตร มีพืช 3,100 สายพันธ์ แบ่งอยู่ในห้องจัดแสดงต่างๆ ทั้งห้องป่าฝน ป่าดงดิบ ทะเลทราย พืชกินแมลง กล้วยไม้ ไม้ใบและไม้ดอก สวนเรือนกระจกเป็นฐานการวิจัยด้านพฤกษศาสตร์ระดับชาติ และยังเป็นแหล่งอนุรักษ์ทรัพยากรพืชที่สำคัญอีกด้วยค่ะ
อีกส่วนที่พลาดไม่ได้ก็คือ สวนกลางแจ้ง ค่ะ ที่แนะนำมากๆ ก็คือ
1. สวนกุหลาบ เป็นสวนสไตล์ยุโรป มีน้ำพุซ่อนอยู่ใต้พื้น มีการเแสดงน้ำพุเต้นระบำ ท่ามกลางกุหลาบกว่า 700 สายพันธุ์
2. สวนท้อ ตกแต่งในสไตล์จีน ประกอบไปด้วยท้อทั้งหมด 70 สายพันธุ์ บางสายพันธ์นำเข้าจากญี่ปุ่น ต้นท้อเหล่านี้ปลูกอยู่บริเวณเนินเขา ในช่วงฤดูใบไม้ผลิดอกท้อจะบานพร้อมกัน สวยมากๆ เลยค่ะ
3. สวนดอกไลแล็ค มีอยู่ 22 สายพันธุ์ ซึ่งประเทศจีนได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีสายพันธุ์ดอกไลแล็คมากที่สุดในโลก และชาวจีนได้ปลูกดอกไลแล็คเป็นไม้ประดับมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วค่ะ
4. สวนรุกขชาติ เป็นป่าขนาดย่อมที่รวมต้นไม้หลายชนิดเข้าด้วยกัน เช่น ต้นสน ต้นเมเปิ้ล ต้นแม็กโนเลียและอีกหลายชนิดอื่น ๆ สวนนี้จัดเป็นสวนสนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน
5. สวนบอนไซ ตกแต่งเป็นสวนจีนโบราณ โดยจัดแสดงต้นบอนไซที่มาจากมณฑลต่างๆ ของประเทศจีน ภายนอกหอจัดแสดงยังมีสวนไม้กระถาง โดยพระเอกของสวนนี้ก็คือต้นแปะก๊วยอายุ 1,300 ปี ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 'King of Ginkgo' เลยค่ะ
(บนซ้าย) พระพุทธรูปในวัดพระนอน (ล่างซ้าย) ทางเข้าพิพิธพัณฑ์เฉาเสวี่ยฉิน
(ขวา) อนุสาวรีย์ที่ระลึกการต่อต้านญี่ปุ่น
นอกจากพืชพันธุ์ต่างๆ แล้ว ภายในสวนพฤกษศาสตร์ปักกิ่งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีก เช่น วัดพระนอนที่สร้างขึ้นตั้งแต่ราชวงศ์ถาง ภายในมีพระพุทธรูปที่หล่อจากทองเหลือง ลำธารอิงเถาโกว อนุสาวรีย์ที่ระลึกการต่อต้านญี่ปุ่นในปี 1935 พิพิธพัณฑ์ของเฉาเสวี่ยฉิน ผู้เขียนวรรณกรรมเรื่องความรักในหอแดง เรียกว่า ไปที่เดียว ได้ทั้งธรรมชาติและได้เรียนรู้วัฒนธรรมประวัติศาสตร์ของจีนเลยค่ะ
สำหรับค่าเข้าชมสวนพฤกษศาสตร์ปักกิ่งนั้นไม่แพงเลยค่ะ บัตรค่าเข้าประตูสำหรับผู้ใหญ่ 5 หยวน นักเรียน 2.5 หยวน และบัตรค่าเข้าเรือนกระจก ผู้ใหญ่ 50 หยวน นักเรียน 40 หยวน ถ้าเป็นวันพิเศษอย่างวันสตรีสากลหรือวันเด็ก ก็จะมีสิทธิพิเศษให้สำหรับคนกลุ่มนั้นๆ ด้วยค่ะ เพื่อนๆ คนไหนที่อาศัยอยู่ในปักกิ่งและอยากหลบหลีกความวุ่นวายในตัวเมืองซักพัก อย่าลืมมาดื่มด่ำกับธรรมชาติกันที่สวนพฤกษศาสตร์ปักกิ่งนะคะ
แนน