ช่วงหลายวันมานี้ที่ปักกิ่งคึกคักมาก สังเกตว่าตามโรงแรมต่าง ๆ ทั่วกรุงมีกองตำรวจพิเศษของจีน ซึ่งแม้เรียกชื่อว่าเป็นตำรวจแต่จริง ๆ คือทหารซึ่งได้รับการฝึกปรือมาเป็นอย่างดี ยืนอารักขาอยู่ตามจุดต่าง ๆ หนาตากว่าปกติ โดยเฉพาะตามโรงแรมที่มีบุคคลสำคัญมาพัก
บุคคลสำคัญขนาดไหน? ถึงทำให้ต้องใช้หน่วยพิเศษออกมาดูแล
ท่านเหล่านี้คือสมาชิกสองสภาสำคัญของจีน คือสภาปรึกษาการเมืองแห่งชาติที่มีสมาชิก 2,192 คนและสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติที่มีสมาชิกประมาณ 3,000 คน รวมแล้วกว่า 5,000 คนจากทั่วประเทศเข้ามาประชุมประจำปี ซึ่งกำหนดไว้ในช่วงต้นเดือนมีนาคม โดยสภาปรึกษาการเมืองฯจะมีการเปิดประชุมก่อน ขณะที่อีกสภาจะเปิดประชุมให้หลังกันประมาณ 2 วัน การประชุมของสองสภาจะดำเนินเป็นเวลาประมาณ 10 วัน อย่างปีนี้ พิธีเปิดการประชุมสภาปรึกษาการเมืองแห่งชาติมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่สภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติเริ่มเปิดประชุมในช่วงเช้าของวันนี้ แน่นอนการอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยแก่ผู้เข้าร่วมประชุมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะท่านเหล่านี้คือผู้แทนที่ประชาชนในพื้นที่เลือกให้มาทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนพวกเขา นำปัญหา ข้อเสนอต่าง ๆ มาสู่การพิจาณาเพื่อแก้ไขและพัฒนาให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองในทุก ๆ ด้าน
จากอดีตสู่ปัจจุบันพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้ความสำคัญกับประชาชนทุกพื้นที่ ทุกชนเผ่า ให้เขาเหล่านั้นเลือกผู้แทนเข้ามาทำหน้าที่ในสภา อย่างที่ทราบกันดีว่าจีนมีชนเผ่าถึง 56 ชนเผ่า โดยมีชนเผ่าฮั่นเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ คิดเป็นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด ชนเผ่านี้น่าจะมีโอกาสมากกว่าทุกชนเผ่าในสภา แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะชนกลุ่มน้อยที่มีประชากรอยู่ในหลักหมื่นก็สามารถมีผู้แทนมานั่งในสภา นำเสนอปัญหาและแสดงความคิดเห็นเพื่อนการพัฒนาของชนเผ่าและประเทศได้ ในยามที่มาประชุมสมาชิกสภาจากชนเผ่าต่าง ๆ ได้สร้างสีสันให้กับที่ประชุมและเป็นที่สนใจของสื่อทั้งในประเทศและต่างประเทสอย่างมาก เนื่องจากมักแต่งกายด้วยชุดแต่งกายของชนเผ่า ที่มีสีสันหลากหลาย สวยงาม โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ถือเป็นการเผยแพร่ศิลปะ วัฒนธรรมไปในตัวด้วย
ช่วงการเปิดประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติเมื่อเช้านี้(5 มีนาคม) นายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรี ได้รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลต่อสภา ซึ่งโดยภาพรวมสามารถดำเนินตามนโยบายที่ได้มีการแถลงต่อสภาเมื่อปีที่แล้ว ดิฉันชอบใจหลาย ๆ คำพูดของท่านที่แสดงออกถึงการพัฒนาโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ว่า "รัฐบาลจะไม่เอาสิ่งแวดล้อม ภาวะนิเวศและสุขภาพของประชาชนมาแลกกับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอย่างเด็ดขาด เราจะเดินหนทางการพัฒนาอย่างอารยะ ที่ทั้งการผลิตก็พัฒนา ปวงประชาก็มีชีวิตที่มั่งคั่ง ณะที่ระบบนิเวศก็ยังดี"