ในรายการวันนี้ เราจะพูดคุยในประเด็นเกี่ยวกับการป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และการกำกับดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจีน เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์นายเฮ่อ เคิง รองประธานคณะกรรมาธิการการการคลังและเศรษฐกิจของคณะกรรมการประจำสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนว่า มองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนในขณะนี้อย่างไร และเศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับความเสี่ยงอะไรบ้าง ? นายเฮ่อ เคิง กล่าวว่า ขณะนี้ เศรษฐกิจจีนได้รับแรงกดดันที่ทำให้ต้องตกต่ำลง ซึ่งแรงกดดันนี้นับวันมีมากขึ้นด้วย เศรษฐกิจจีนในขณะนี้จึงยังคงอยู่ในสภาวะขาลง นี่เป็นแนวโน้มที่ต้องเป็นไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงเห็นว่า การป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของจีนสำคัญกว่าการรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจ นายเฮ่อ เคิง กล่าวว่า ขณะนี้ จีนกำลังได้รับแรงกดดันที่ให้เศรษฐกิจต้องอยู่ในภาวะตกต่ำ ไม่ว่ารัฐบาลจีนทำอย่างไร เศรษฐกิจก็ต้องตกต่ำลงไปบ้าง จึงไม่ต้องกังวลใจมาก และไม่ควรกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจด้วยการลงทุนจำนวนมหาศาลอีก หนทางที่ถูกต้องคือ ต้องแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต ขณะนี้ ปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุดคือ การปฏิรูประบบการกระจายรายได้ รัฐบาลต้องพยายามเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ทำให้พวกเขามีกำลังซื้อมากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ความต้องการภายในจึงจะคึกคักและเติบโตขึ้นได้ รัฐบาลยังต้องให้ความช่วยเหลือแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในยามที่พวกเขาเผชิญกับความยากลำบากนานัปการในการประกอบกิจการ ใช้มาตรการต่างๆ ช่วยพวกเขาผ่านพ้นจากสภาวะยากลำบากโดยเร็ว เช่น ลดภาษีให้แก่วิสาหกิจที่ใช้แรงงานมาก และมีศักยภาพทางการตลาด ปีนี้รัฐบาลท้องถิ่นหลายพื้นที่มีรายได้น้อย แต่ก็ต้องลดภาษีให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพราะว่า ถ้าวิสาหกิจเหล่านี้พ้นจากวิกฤตได้ โอกาสการมีงานทำก็จะไม่ลดลง รายได้ของประชาชนในพื้นที่ก็จะไม่ลดลง และเศรษฐกิจก็จะค่อยๆ พัฒนาไปสู่ทิศทางที่เป็นปกติ
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เหตุใดจึงเห็นว่า การป้องกันความเสี่ยงจากฟองสบู่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แตกสำคัญกว่าการรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจ นายเฮ่อ เคิง กล่าวว่า ต้องกำกับดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กลับสู่สภาวะปกติ และสามารถพัฒนาเติบโตขึ้นด้วยดี ขณะนี้ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บางส่วนและรัฐบาลท้องถิ่นในบางพื้นที่ อยากให้ผ่อนคลายการควบคุมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยพิจารณาจากประโยชน์ของตนเอง นี่เป็นเรื่องที่อันตรายมาก ถ้าจีนผ่อนคลายการควบคุมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ เศรษฐกิจจีนจะเกิดปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ จีนจึงต้องดำเนินนโยบายควบคุมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเข้มงวดต่อไป สำหรับวิธีการควบคุมอสังหาริมทรัพย์ ผมเห็นว่า ต้องจัดเก็บภาษีบ้านพักที่อยู่อาศัย แน่นอน การจัดเก็บภาษีบ้านพักที่อยู่อาศัยนั้นต้องไม่เพิ่มภาระให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยจะไม่จัดเก็บภาษีกับผู้ที่มีบ้านอยู่อาศัยที่ไม่ใหญ่นัก เป้าหมายการจัดเก็บภาษีต้องเป็นกลุ่มที่มีบ้านอยู่อาศัยใหญ่โต โดยจะจัดเก็บภาษีเนื้อที่บ้านพักอาศัยส่วนเกินมาตรฐาน เกินมากจ่ายมาก เกินน้อยจ่ายน้อย การใช้นโยบายนี้จะช่วยสกัดการเก็งกำไรจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลต้องจำกัดการพัฒนาของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่หมายความว่า ต้องป้องกันไม่ให้เกิดฟองสบู่ในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นักพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บางส่วนคาดการณ์ว่า พร้อมๆ กับจำนวนบ้านที่อยู่อาศัยและที่ดินในตลาดได้ลดน้อยลง ปีหน้า ราคาบ้านพักอาศัยย่อมจะดีดตัวสูงขึ้น นายเฮ่อ เคิงกล่าวว่า
เขาไม่เชื่อ และคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ รัฐบาลจะออกนโยบายเก็บภาษีบ้านพักอาศัยในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน เพื่อสกัดการเก็งกำไรจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ลดจำนวนบ้านพักอาศัยที่ว่างอยู่ ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เฉพาะในกรุงปักกิ่ง มีบ้านพักอาศัยที่ว่างอยู่สูงถึง 3,810,000 ชุด สำหรับเมืองอื่นๆ ก็มีสภาพคล้ายคลึงกับกรุงปักกิ่ง หลังรัฐบาลออกนโยบายเก็บภาษีบ้านพักอาศัย ผู้ที่ถือครองบ้านพักอาศัยมากเกินไปก็ต้องขายออกบางส่วนอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวยังถามอีกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการควบคุมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คืออะไร นายเฮ่อ เคิงกล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ดีดตัวสูงขึ้นมีสองประการ ประการแรก รัฐบาลท้องถิ่นบางพื้นที่หารายได้จากการขายที่ดิน และประการที่ 2 ภาคเอกชนมีเงินทุนจำนวนมหาศาล แต่ไม่มีช่องทางการลงทุนที่ดีกว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงนำเงินทุนที่มีอยู่มาซื้อบ้านพักอาศัย เพื่อผลกำไรที่สูงเกินควร ถ้าเราจะควบคุมราคาบ้านพักอาศัยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ก็ต้องแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยต้องออกนโยบายการเก็บภาษีบ้านพักอาศัยโดยเร็ว เพื่อให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตขึ้นอย่างเป็นปกติ
นายเฮ่อ เคิง ยังเสนอว่า รัฐบาลกลางต้องใช้รายได้จากการขายที่ดินในการสร้างบ้านพักอาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย หรือ บ้านพักอาศัยค่าเช่าต่ำ อีกทั้งนำเงินที่ได้จากการขายที่ดินมาใช้ในการแปรสภาพเขตชุมชนที่ชำรุดทรุดโทรมมากแล้ว เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตควาาเป็นอยู่ของประชาชนที่อยู่ในเขตชุมชนเหล่านั้นให้ดีขึ้น ปัจจุบัน ประชาชนที่อยู่ในเขตชุมชนที่ชำรุดทรุดโทรมมีกว่า 70 ล้านคน รัฐบาลต้องลงทุนช่วยแปรสภาพเขตชุมชนของพวกเขาให้ดีขึ้น
(Cai)