ในขณะที่ชาวจีนพากันนิยมกินปูขนและปวดหัวกับการแยกของแท้ของปลอมนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวจากประเทศเยอรมนีรายงานว่า ปูขนที่อพยพจากจีนเข้าเยอรมนีได้ก่อให้เกิดความเสียหายถึงกว่า 80 ล้านยูโรแล้ว
เรื่องนี้ต้องย้อนหลังไปสู่ทศวรรษที่ 1900 คือ ชาวเยอรมันพบปูชนิดนี้เมื่อปี 1912 ต่อมานักวิชาการประกาศผลการวิจัยโดยยืนยันว่า ปูเหล่านี้อพยพมาจากประเทศจีนพร้อมกับน้ำที่บรรทุกถ่วงไว้ใต้ท้องเรือ ตั้งแต่นั้นมา สัตว์ดุร้าย 8 ขาชนิดนี้ก็เริ่มขยายพันธุ์ในแม่น้ำลำคลองของทวีปยุโรป กระทั่งคุกคามถึงการอยู่รอดของสัตว์น้ำอื่นๆ และเป็นปูน้ำจืดชนิดเดียวในเยอรมนีด้วย ช่วงฤดูร้อนทุกปี กองทัพปูขนจะเดินทางไกลเคลื่อนไปสู่ภาคเหนือเพื่อเตรียมวางไข่ในฤดูใบไม้ผลิ สัตว์หุ้มเกราะเหล่านี้ขุดรูตามเขื่อนกั้นน้ำ กัดเครื่องมือจับปลา กินปลาในแห แม้กระทั่งสิ่งก่อสร้างบางแห่งก็ตกเป็นเป้าหมายของพวกมัน กองทุนธรรมชาติโลกรายงานว่า ปูขนได้สร้างความเสียหายให้กับเยอรมนีถึง 80 ล้านยูโร หรือเท่ากับ 640 ล้านหยวนแล้ว
นักวิชาการบางคนเห็นว่า การที่ปูขนจีนขยายพันธุ์ในแม่น้ำของเยอรมนีอย่างรวดเร็วก็เพราะน้ำในแม่น้ำสะอาดไม่มีมลพิษ ส่วนจีนได้สร้างเขื่อนกั้นน้ำมากมายตามแม่น้ำต่างๆ ซึ่งปิดกั้นเส้นทางอพยพไปวางไข่ของปู ประกอบกับโรงงานอุตสาหกรรมปล่อยมลพิษลงสู่แม่น้ำ ทำให้จำนวนปูขนในจีนลดน้อยลงเรื่อยๆ
เนื่องจากชาวเยอรมันไม่กล้ากินสัตว์หน้าตาประหลาดชนิดนี้ ทำให้จำนวนปูเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนชาวประมงต้องหาวิธีกำจัดด้วยการจับมาทำเป็นอาหารสัตว์หรือวัตถุดิบในการผลิตสบู่ หรือไม่ก็ฆ่าเลย แต่ก็ไม่สามารถลดจำนวนปูได้อย่างมีประสิทธิผล ต่อมา มีชาวประมงส่วนหนึ่งทราบว่าชาวจีนชอบกินปู เลยจับปูขนขายให้กับชาวจีนตลอดจนซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารจีน ราคา 5- 8 ยูโรต่อกิโลกรัม ตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา มีพ่อค้าชาวจีนขนส่งปูขนจากเยอรมนีมาขายในจีน แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากผู้บริโภค เพราะรสชาติสู้ปูขนที่เลี้ยงในจีนไม่ได้ สาเหตุคงเพราะว่าปูที่เลี้ยงในทะเลสาบได้รับอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์ในช่วงเจริญเติบโต จึงมีเนื้อและไข่เยอะ ส่วนปูในเยอรมนีโตตามธรรมชาติ ถึงแม้อาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สะอาดไม่มีมลพิษ แต่คงเนื้อน้อยผอมกว่า รสชาติเลยด้อยกว่า
นอกจากนี้ การนำเข้าสัตว์น้ำจากต่างประเทศมีขั้นตอนสลับซับซ้อนมาก เพราะฉะนั้น โอกาสที่ปูขนจากเยอรมนีขึ้นโต๊ะอาหารของชาวจีนนั้นคงจะไม่ค่อยมี