เทศกาลสงกรานต์ของไทยตรงกับวันที่ 13 เมษายนของทุกปี รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นวันหยุดราชการต่อเนื่องกันถึง 3 วันคือระหว่าง 13-15 เมษายน เพื่อให้คนที่ทำงานต่างท้องที่ได้กลับไปยังภูมิลำเนา ร่วมทำบุญ เยี่ยมเยียนบุพการี สนุกสนานกับครอบครัวและเพื่อนฝูง พื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศจึงเต็มไปด้วยบรรยากาศของความสนุกสนาน ความอบอุ่น การให้เกียรติเคารพซึ่งกันและกัน สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะของความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน
เทศกาลสงกรานต์ถือเป็นประเพณีวันขึ้นปีใหม่ของไทยมาแต่โบราณ เป็นประเพณีที่งดงาม แสดงถึงความเอื้ออาทรและอ่อนโยน มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากนานาประเทศเดินทางไปเที่ยวประเทศไทย ในช่วงนี้
ข้อมูลสถิติปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทยมากที่สุด เพราะสะดวก ระยะทางไม่ไกล สามารถเดินทางได้หลากหลายวิธี ทั้งเครื่องบินหรือทางรถยนต์ อีกทั้งในประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรม และกิจกรรมที่น่าสนใจหลากหลายรูปแบบ ราคาไม่แพง จากการสอบถามบริษัทนำเที่ยวในจีนพบว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ นักท่องเที่ยวชาวจีนจองไปเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมากเหมือนปีที่ผ่านๆมา
เมื่อปีที่แล้วบริษัทสายการบินจากจีนหลายบริษัท เช่น ไชน่าแอร์ไลน์ ไชน่าเซาเทิร์นแอร์ไลน์ ไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์ ต้องเพิ่มเที่ยวบินถึง 182 เที่ยวบิน สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวสรุปยอดนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปเที่ยวไทยช่วงสงกรานต์เมื่อปีที่แล้วว่าสูงถึง 50,000-60,000 คน ขณะที่ค่าใช้จ่ายต่อหัวเฉลี่ยวันละ 3,500-4,000 บาท
จังหวัดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าชาวจีนมีข้อมูลการท่องเที่ยวสองจังหวัดนี้มากกว่าพื้นที่อื่นๆจากการประชาสัมพันธ์ร่วมกันโดยบริษัททัวร์ในไทยและจีน
ส่วนในประเทศจีนก็มีการเล่นสงกรานต์ที่สิบสองปันนาของมณฑลยูนนาน สิบสองปันนามีชนชาติส่วนน้อยต่างๆ อาศัยอยู่หลายชนชาติ วิถีชีวิตของชาวบ้านจึงมีสีสันหลากหลาย นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีทัศนียภาพแถบโซนร้อนอันสวยงามมหัศจรรย์ จึงเปรียบเสมือนมรกตเม็ดงามที่ประดับอยู่ ณ ชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งได้รับการขนานนามว่า "ดินแดนที่สวยงามมหัศจรรย์" ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก และทิศใต้ของสิบสองปันนามีพรมแดนเชื่อมติดกับลาวและเมียนมาร์ อีกทั้งอยู่ใกล้กับประเทศไทย จึงมีขนบธรรมเนียมประเพณีหลายๆอย่างใกล้เคียงกับไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหารการกินหรือภาษา และที่นั่นก็ถือวันสงกรานต์ เป็นวันขึ้นปีใหม่เช่นกัน คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวในสิบสองปันนาต่างสาดน้ำกันอย่างสนุกสนานในงานเทศกาลสงกรานต์ มีการเล่นสาดน้ำ และร้องเพลงที่เกี่ยวกับวันสงกรานต์ด้วย
นอกจากเล่นสาดน้ำแล้ว ยังมีกิจกรรมหลายๆ อย่างที่คล้ายๆ คนไทย เช่นสรงน้ำพระ ก่อเจดีย์ทราย ปล่อยนกปล่อยปลา จุดบั้งไฟ แข่งเรือมังกรและเล่นโยนลูกช่วงที่สนุกสนาน
การเล่นลูกช่วงนั้นเป็นรายการสำหรับหนุ่มๆสาวๆเพื่อหาชายหรือหญิงที่ถูกใจ พอถึงยามนี้ หนุ่มสาวที่ยังไม่มีคู่ในแต่ละหมู่บ้าน หรือหมู่บ้านใกล้เคียงจะแต่งชุดสวยสดใสมาชุมนุมกันที่ลานหน้าหมู่บ้าน แล้วแบ่งกลุ่มชายหญิง ยืนเรียงหันหน้าเข้าหากัน โดยห่างกัน7เมตร แล้วโยนลูกช่วงให้กันและกัน ลูกช่วงทำจากห่อผ้ารูปกระจับ บรรจุเมล็ดฝ้าย หรือเมล็ดต้นหญ้าต่างๆ แรกเริ่มนั้นเป็นการโยนเล่นกันไปมาอย่างไม่มีจุดหมาย กระทั่งพบคู่แล้ว สองฝ่ายจึงจงใจโยนให้กันและกัน จากนั้น ค่อยๆถอยห่างออกจากวงไปหาสถานที่แห่งใหม่ พูดคุยทำความรู้จักกัน นี่เป็นรูปแบบแสดงความรักอย่างหนึ่งของหนุ่มๆ สาวๆชาวไตในการเลือกคู่
นอกจากนั้น ยังมีรายการบันเทิงที่มีสีสันประจำชาติ มีการร้องเพลงเต้นรำ จะเห็นหนุ่มสาวชาวไต ที่ชำนาญการร้องเพลงเต้นรำ สนุกสนานกันอย่างเต็มที่ สาวๆจะฟ้อนรำ "ระบำนกยูงรำแพน" อันสวยงาม และรำกลองยาว ในช่วงนี้จะมีนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศไปเที่ยวและร่วมฉลองสงกรานต์ที่สิบสองปันนากันมาก โดยเฉพาะปีหลังๆ นี้ หลายพื้นที่ในสิบสองปันนาได้จัดให้เป็นเขตท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่อเชิญชวนคนจากที่อื่นไปเที่ยวหาความเพลิดเพลินจากธรรมชาติมากขึ้นด้วย