เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า ครึ่งแรกปีนี้ เศรษฐกิจจีนขยายตัวที่ระดับ 9.6% ดัชนีราคาผู้บริโภค ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ โดยดัชนีราคาผู้บริโภคมีอัตราการขยายตัวพุ่งสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 6.4% ในเดือนมิถุนายน
กระทรวงการคลังระบุว่า การขยายตัวของรายได้การคลังอาจจะชะลอตัวในช่วงครึ่งหลังปีนี้ เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจเริ่มชะลอและมีการยกเว้นภาษีเงินได้มากขึ้น
ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ จีนมีการใช้จ่ายด้านการคลังเพิ่มจากปีก่อนหน้านี้ 31.4% มาอยู่ที่ระดับ 4.44 ล้านล้านหยวน โดยยอดการใช้จ่ายในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ระดับ 1.08 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 33.1%
หลังกระทรวงการคลังจีนประกาศตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน บ้างเห็นว่า ต้องรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจ บ้างเห็นว่าต้องควบคุมราคาสินค้าไม่ให้พุ่งสูงขึ้นอีก บ้างกังวลว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจะหดตัวลงอย่างรุนแรง และระดับเงินเฟ้อจะพุ่งสูงขึ้นอีก ความคิดเห็นดังกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นในแง่ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจจีนในขณะนี้มีความสลับซับซ้อนมาก
ขณะนี้ เศรษฐกิจจีนกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และปีนี้เป็นปีแรกในการดำเนินตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปีฉบับที่ 12 นักวิเคราะห์จากสำนักข่าวซินหวาเห็นว่า เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่สลับซับซ้อน เราต้องติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างสุขุมเยือกเย็น เพื่อได้ข้อสรุปที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง
ก่อนอื่น มาดูอัตราเติบโตของเศรษฐกิจ ไตรมาสแรกอยู่ที่ 9.7% ไตรมาสสองอยู่ที่ 9.5% ถึงแม้ว่าอัตราเติบโตชะลอลง แต่อัตราเติบโตยังคงอยู่ในระดับสูง และชะลอตัวอย่างค่อยเป็หนค่อยไป จึงกล่าวได้ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเปลี่ยนจากภาวะผิดปกติ คือหดตัวอย่างรุนแรงหลังเกิดวิกฤตการเงิน และกระเตื้องขึ้นอย่างมากหลังใช้มาตรการกระตุ้น ไปสู่ภาวะปกติ คือ เติบโตในระดับที่เหมาะสม นี่เป็นผลจากการใช้มาตรการของรัฐบาลกลางจีนที่ดำเนินมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
ในช่วงเวลาข้างหน้า จีนจะลงทุนในโครงการสร้างบ้านเอื้ออาทร 10 ล้านชุด และโครงการชลประทานมูลค่า 4,000,000 ล้านหยวน ซึ่งจะส่งผลให้การลงทุนในทรัพย์สินถาวรยังคงอยู่ในระดับสูง การสร้างระบบประกันสังคม และโครงการลดภาษีจะส่งผลกระตุ้นการบริโภคภายใน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างเชื่องช้าของโลกจะทำให้การส่งออกของจีนเติบโตขึ้นในระดับหนึ่ง สิ่งเหล่านี้แสดงว่า อัตราเติบโตของเศรษฐกิจจีนมีแรงกระตุ้นค่อนข้างมาก และมีความเสี่ยงที่จะหดตัวอย่างรุนแรงค่อนข้างน้อย
ด้านราคาสินค้า รอบปีที่ผ่านมานี้ ดัชนีผู้บริโภคถีบตัวสูงขึ้นตลอด จาก 3.3% มาเป็น 6.4% แต่ปัจจัยที่ทำให้ราคาสินค้าถีบตัวขึ้นสูงสุด ขณะนี้ ความคล่องตัวที่มากเกินไปในตลาดจีนได้ผ่อนคลายลง ราคาสินค้าหลักๆ ในตลาดโลก เช่นน้ำมันค่อยๆ ลดลง ทั้งนี้ทำให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลง นอกจากนี้ ผลการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนได้ผลดี การสนองผลิตผลการเกษตรดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ อัตราเติบโตของดัชนีผู้บริโภคในไตรมาสที่ 3 เริ่มทรงตัว และจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาสที่ 4
กล่าวโดยทั่วไปแล้ว ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นมา เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างมั่นคงและรวดเร็ว วิสาหกิจมีประสิทธิผลสูงขึ้นเรื่อยๆ รายได้การคลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก โครงสร้างเศรษฐกิจได้รับปรับปรุงดีขึ้นอีกขั้นหนึ่ง การมีงานทำและรายได้ของชาวบ้านเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้รับปรับปรุงดีขึ้นอีกขั้นหนึ่ง การปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจมหภาคได้ประสบผลสำเร็จมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่อัตราเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะหดตัวอย่างรุนแรง และจะเกิดเงินเฟ้อในระดับรุนแรง
อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมในการพัฒนาเศรษฐกิจจีนยังคงมีความสลับซับซ้อนมาก ปัจจัยที่ไม่มั่นคง และไม่แน่นอนยังมีอยู่ไม่น้อย
มองจากเศรษฐกิจต่างประเทศ ตลาดการเงินโลกยังคงปั่นป่วนไม่สงบ ความขัดแย้งเชิงลึกที่ทำให้เกิดวิกฤตการเงินยังไม่ได้ถูกขจัดออกไปโดยสิ้นเชิง ราคาสินค้าหลักในตลาดโลก เช่น ราคอาหาร น้ำมัน ถ่านหินเป็นต้นที่อยู่ในระดับสูงยังคงไม่นิ่ง เงินเฟ้อมีแนวโน้มจะบานปลายส่งผลไปทั่วโลก ลัทธิกีดกันทางการค้าและการลงทุนมีความรุนแรงขึ้นในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นำมาซึ่งความไม่แน่นอนต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ซึ่งรวมทั้งเศรษฐกิจจีนด้วย
มองจากเศรษฐกิจภายในประเทศ เมื่อปีที่แล้ว จีนเริ่มดำเนินนโยบายการเงินที่มั่นคง เพื่อยับยั้งปัญหาเงินเฟ้อ นโยบายนี้ทำให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมประสบความยากลำบากในการระดมเงินทุน และแรงกดดันที่ทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นนั้นเพิ่มขึ้น รัฐบาลจีนจึงต้องปรับอัตราเติบโตของราคาสินค้าให้ต่ำลง ขณะที่ไม่ทำให้กระทบกับอัตราเติบโตของเศรษฐกิจจีนมากนัก การรักษาอัตราเติบโตของเศรษฐกิจและการควบคุมราคาสินค้านั้นดูจะเป็นปัญหาที่แก้ไขพร้อมกันได้ยากในการปรับปรุงเศรษฐกิจมหภาค
กล่าวได้ว่า ปัจจัยต่างๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศมีทั้งส่วนที่เป็นผลทางบวกและส่วนที่จะส่งผลทางลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ มาตรการปรับปรุงเศรษฐกิจมหภาค ก็ส่งผลต่อกัน จึงทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันมีความสลับซับซ้อนมาก
นักวิเคระห์จากสำนักข่าวซินหวาเห็นว่า เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่สลับซับซ้อน เราต้องมองเห็นปัจจัยที่เป็นผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความยากลำบากและความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น
นักวิเคระห์จากสำนักข่าวซินหวาเห็นว่า ปัจจุบัน แม้ว่าปัจจัยที่ทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นถูกควบคุมไว้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ได้ถูกขจัดโดยสิ้นเชิง การควบคุมระดับราคาสินค้าให้ทรงตัวยังคงเป็นภารหน้าที่หลักในการปรับปรุงเศรษฐกิจมหภาค เพื่อการนี้ รัฐบาลต้องใช้มาตรการหลากหลายรูปแบบต่อไปอีก เช่น ดำเนินนโยบายการเงินที่มั่นคงต่อไป ควบคุมปริมาณเงินตราที่เข้าสู่ตลาด ส่งเสริมการผลิตด้านการเกษตรและการสนองอาหาร ลดต้นทุนที่สูงเกินไปในกระบวนการหมุนเวียนของสินค้าให้ต่ำ เสริมการตรวจสอบราคาสินค้า เป็นต้น
ขณะเดียวกัน รัฐบาลต้องเพิ่มการสนับสนุนด้านสินเชื่อภาคเการเกษตร และวิสาหกิจขนาดย่อม ใช้เครื่องมือการเงินอย่างสมเหตุสมผล และยกประสิทธิภาพของนโยบายต่างๆ ให้สูงขึ้น ขับเคลื่อนการปฏิรูปตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน และกลไกที่จะทำให้มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน
นักวิเคราะห์จากสำนักข่าวซินหวายังเห็นว่า ปัจจุบัน ไม่ว่าการควบคุมราคาสินค้า การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ หรือการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะของรัฐบาลท้องถิ่น ล้วนต้องอาศัยนโยบายระยะสั้น หรือมาตรการการบริหาร แต่ทั้งนี้จะทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมาด้วย ทำให้รัฐบาลมีทางเลือกน้อยลงในการพัฒนาเศรษฐกิจ
ดังนั้น ถ้าดูจากระยะยาว การส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจ ต้องเน้นศักยภาพความต้องการภายในประเทศ ยกระดับมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ส่งออก ทำให้ราคาสินค้าทรงตัว สรุปแล้วคือ รัฐบาลต้องดำเนินการปฏิรูปต่อไป เพื่อขจัดอุปสรรคต่างๆ ที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ปรับเปลี่ยนรูปแบบและโครงสร้างการพัฒนาเศรษฐกิจ เพิ่มแรงกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจภายใน ยอมลดอัตราเติบโตของเศรษฐกิจในระดับที่เหมาะสม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว