พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์หนิงโป
ผลงานที่โดดเด่นก็ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์หนิงโป ซึ่งสามารถเป็นตัวแทนรูปแบบผลงานและรสนิยมทางสุนทรียศาสตร์ของเขาได้เป็นอย่างดี หรือเรียกว่างานชิ้นมาสเตอร์พีช พลังความงามของตัวอาคารที่แผ่ซ่านออกมาให้เราสัมผัสได้นั้นเกิดจากการขัด เจีย กระเทาะ แกะ และก่อเศษซากวัสดุที่ถูกธรรมชาติทำลาย ทั้งจากพายุไต้ฝุ่น แผ่นดินไหว และจากการทุบทำลายอาคารเก่าเพื่อสร้างเมืองใหม่ โดยช่างฝีมือยอดเยี่ยมของท้องถิ่น และแม้ว่าก่อสร้างเป็นอาคารขนาดใหญ่ก็ตาม แต่ "หวัง ชู่" ยังคงอนุรักษ์จิตวิญญาณของสถาปัตยกรรมจีนไว้ด้วย ในขณะที่ตึกในปัจจุบันสามารถบันทึกได้เพียงวันนี้ แต่อาคารที่เขาออกแบบด้วยวิธีดังกล่าวกลับสามารถบันทึกประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานานนับปีจากเศษซากวัสดุเหล่านั้น จนเกิด "พลังเหนือกาลเวลา"
เพราะแค่ตัวอาคารเมื่อสร้างแล้วเสร็จก็กลายเป็นผลงานทางประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่งขึ้นมาทันที
"มันเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเก็บรักษาลักษณะฝีมือเช่นนี้ไว้อย่างจริงจัง เพื่อให้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม" หวัง ชู่ พูดถึงผลงานระดับเอกอุชิ้นนี้ของตัวเองเมื่อถูกสัมภาษณ์ภายหลังถูกประกาศว่าเป็นผู้ได้รับรางวัลเกียรติยศสู฿งสุดในปีนี้
ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์หนิงโป
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์หนิงโปแห่งนี้เป็นที่รวบรวมการศึกษาทางด้านมนุษยศาสตร์ ศิลปะ และเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลทางภูมิวิทยาของอารยธรรมชายฝั่งทะเลตะวันออกของจีน ซึ่งเป็นดินแดนอารยธรรมโบราณกว่า 7,000 ปี และเฉพาะหนิงโปก็มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,200 ปี ใช้งบประมาณในการสร้าง 250 ล้านหยวน แล้วเสร็จเมื่อปี 2008 มีพื้นที่ทั้งหมด 39,999.6 ตารางเมตร และมีพื้นที่ในอาคารรวมกันทั้งสิ้น 303,250,000 ตารางเมตร
ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์แห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง ความลงตัวของการออกแบบทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งสามารถรับรู้ถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนไม่ขาดสาย จนกลายเป็นความภูมิใจร่วมกันของชาวหนิงโปทุกคน
ในวันประกาศผลการตัดสินรางวัล คณะกรรมการได้อธิบายถึงการตัดสินใจร่วมกันครั้งนี้ว่า "เหตุผลที่คณะกรรมการเลือกที่จะมอบรางวัลให้กับสถาปนิกจีนก็เพราะว่า เขาเป็นแบบอย่างสำคัญในการให้ความรู้เกี่ยวกับบทบาทของประเทศจีนในการสร้างแนวคิดการออกแบบผลงานสถาปัตยกรรม นอกจากนี้ในทศวรรษที่ผ่านมานั้น จีนประสบความสำเร็จในการทำให้เกิดความเป็นเมือง ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อจีนเองและทั่วโลก ความเป็นเมืองของจีนนี้ก็เช่นเดียวกับความเป็นเมืองที่แห่งหนอื่นทั่วโลก ที่ล้วนต้องการความลงตัวของท้องถิ่นและวัฒนธรรมกระแสหลัก จีนต้องใช้โอกาสในสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนนี้ วางแผนสร้างความเป็นเมืองและการออกแบบให้เกิดความสมานฉันท์กันตลอดไป กลมเกลียวในเอกลักษณ์แห่งอดีตและความต้องการก้าวหน้าพัฒนาอย่างเร่งด่วนในปัจจุบัน"