13 หญิงงามแห่ง "ฉินหวยเหอ"

เป็นไปได้ไหมที่เราจะนำเอาประวัติศาสตร์เหตุการณ์สำคัญของประเทศไทยอย่างการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สงครามโลกครั้งที่ 2 สิบปีที่สูญหายไปจากแบบเรียน(2490-2500) ยุคมุ้งสีชมพูของสฤษดิ์ ธนะรัตน์ เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ยุคเณรถนอม เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ เมษาฮาวาย พฤษภาทมิฬ และปรากฎการณ์เหลือง-แดง มาทำเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ใช่สารคดี เพราะหลายเรื่องไม่สามารถที่จะสื่อสารออกมาตรงๆ ได้ บางเรื่องยังคงปิดลับ บางเรื่องเมื่อกล่าวไปแล้วอาจจะเป็นการก่อกรแสความไม่สงบในสังคมที่เปราะบางอย่างยิ่งในทุกวันนี้ได้

แต่ขณะเดียวกัน เราก็หลีกหนีจากความจริงของเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้ ทุกคนต่างมีส่วนเชื่อมโยงอย่างใดอย่างหนึ่ง มีผลกระทบไม่มากก็น้อยตามแต่ประสบการณ์ของแต่ละบุคคล หากเชื่อเช่นนี้แล้ว การจับเอาช่วงเหตุการณ์สำคัญเหล่านี้มาแวดล้อมด้วยเรื่องชีวิตและความรักของใครสักคน ย่อมเป็นเรื่องที่ร่วมสมัยและมีส่วนร่วมทางความคิดได้ เป็นการอธิบายประวัติศาสตร์ผ่านชะตาชีวิตของคนธรรมดาสักคนหนึ่ง

ซึ่งน่าจะลึกซึ้ง และมีสีสันมากกว่าความจริงล้วนๆ ที่น่ากลัวที่จะรับรู้

เหมือนเช่นภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของผู้กำกับภาพยนตร์คลื่นลูกที่ 5 ของจีนที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างจาง อี้โหมว เรื่อง "The Flowers of War" ที่สร้างขึ้นบนสูตรสำเร็จอมตะของวงการภาพยนตร์โลก นั่นก็คือการหยิบเอาประเด็นของ "สงคราม ความรัก และความเสียสละ" มาครอบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นานจิง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1937 ที่คนจีนไม่มีวันลืมเลือน แต่ก็ไม่อยากจะหวนระลึกถึงความจริงเหล่านั้นอีกอย่างตรงไปตรงมา เพราะรังแต่จะก่อให้เกิดความแค้นและความเศร้าไม่เสื่อมคลาย จนเกิดเป็นฝีในใจไม่อาจมุ่งมองอนาคตที่แตกต่างได้ ดังนั้น "จาง อี้โหมว" จึงถอดฉากละเลงเลือดทั้งหมดออก และตีแผ่เหตุการณ์สังหารโหดผ่านเรื่องราวของความรักและชะตากรรม ซึ่งทำให้ผู้ชมเกิดมุมมองใหม่ต่อเหตุการณ์นี้

ดังนั้นเมื่อหนังเข้าฉายในวันที่ 16 ธันวาคมปีที่ผ่าน จึงทำให้เกิดกระแสร้อนแรงไปทั่วประเทศและทำรายได้ 11 วันแรกไปถึง 355 ล้านหยวน สร้างสถิติสูงสุดการเข้าฉายแซงเรื่องใดๆ ที่เคยทำไว้ก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็น อาฟเตอร์ช็อก ทรานสฟอร์มเมอร์ อวตาร หรือหนังเรื่องใหม่ของเฉิน เสี่ยวตง ผู้กำกับชื่อดังที่เข้าฉายในช่วงเดียวกัน

จาง อี้โหมวกำลังกำกับการแสดงให้คริสเตียน เบลล์

จริงๆ แล้ว "The Flowers of War" ก็ได้รับการจับตามองจากผู้ชมชาวจีนและต่างประเทศมาโดยตลอดตั้งแต่ยังไม่เข้าโรง เหตุแรกคือเรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับมือหนึ่งของจีน "จาง อี้โหมว" สองคือเรื่องนี้มีการลงทุนสร้างสูงมากเป็นประวัติการณ์ถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สามคือจาง เว่ยผิง ผู้สร้างคู่บุญของจาง อี้โหมว ได้ไปทำการเจรจาขอขึ้นราคาเข้าชมกับโรงภาพยนตร์ต่างๆ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การฉายภาพยนตร์ของจีน ด้วยเหตุผลว่าเรื่องนี้มีการลงทุนที่สูงมาก ซึ่งก็ได้รับทั้งการตอบรับและปฏิเสธ โดยในที่สุดตกลงกันได้ในราคากลาง แต่งานนี้ผู้ที่เดือดร้อนที่สุดคือผู้ชม สี่คือเรื่องนี้ประกอบขึ้นเป็นทีมนานาชาติ มีโปรดิวเซอร์ร่วมมาจากฮอลิวู้ด รวมถึงนักแสดงนำรางวัลออสการ์ "คริสเตียน เบลล์" ที่ตัดสินใจมารับเล่นบทบาทหลวงในครั้งนี้ ห้าคือผู้หญิงของจาง อี้โหมว ทุกครั้งที่มีการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องหใหม่ ผู้ชมชาวจีนจะคอยลุ้นกันว่า หญิงสาวคนไหนจะโชคดีได้แจ้งเกิดในวงการภาพยนตร์ ซึ่งนั่นหมายถึงทั้งชื่อเสียงและเงินทองในอนาคต และในที่สุด "นีนี" สาวน้อยที่กำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยการสื่อสารนานจิง ก็คว้าบทนักแสดงนำหญิงของเรื่องนี้ไปได้ รวมถึงสาวน้อยวัย 13 ปี "จาง ซินยี่" ที่รับบทเด่นในฐานะผู้เล่าเรื่องนี้ ก็ดังเป็นพลุแตกเช่นกันหลังจากหนังเข้าฉาย และอีกเหตุผลที่สำคัญยิ่งก็คือเรื่องนี้เกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารโห ดนานกิง ซึ่งชาวจีนทุกคนต่างไม่เคยหลงลืมเรื่องนี้แม้ว่าจะผ่านมานานเกือบศตวรรษ

ที่บอกว่าเรื่องนี้ใช้งบประมาณในการสร้างจำนวนมาก ก็เพราะจาง อี้โหมว ได้เนรมิตเมืองและโบสถ์ขึ้นมาใหม่ให้เหมือนกับสภาพหลังจากที่ถูกกองทหารญี่ปุ่นบุกแล้ว ทั้งบ้านเรือนทั่วไป ซ่องนางโรม และโดยเฉพาะโบสถ์คริสต์ซึ่งเป็นฉากหลักของเรื่องก็ม็อกอัพขึ้นมาใหม่เหมือนจริงทุกประการ