"นีนี" นางเอกคนใหม่ของ จาง อี้โหมว
การจะกล่าวถึงเหตุการณ์สังหารโหดนานากิง โดยละเลยความโหดร้ายของการสังหารหมู่ไปเสียก็คงเป็นไปไม่ได้ แม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเน้นเรื่อง "ความรัก และความเสียสละ" ก็ตาม ดังนั้น "จาง อี้โหมว" จึงจับเอาเหตุการ์กองจรยุทธ์สุดท้ายของจีนที่ยังหลงเหลือยู่และยันกองทัพจักรวรรดินิยมญี่ปุ่นจนถึงวินาทีสุดท้ายมาไว้ที่ฉากเริ่มต้นของเรื่อง
ซึ่งเป็นที่มาสำคัญของชะตาชีวิตตัวละครทุกๆ คนในภาพยนตร์เรื่องนี้
เด็กนักเรียนที่พากันแตกตื่นวิ่งหนีมาตามซากปรักหักพังเพื่อกลับที่พัก เช่นเดียวหนุ่มนิรนามขี้เมาชาวอเมริกันที่ตามหาโบสถ์ที่เขาจะได้รับเงินจากค่าจัดการฝังศพ ทหารกองจรยุทธ์ดักซุ่มยิงผู้บุกรุก และกลุ่มหญิงสาวขายบริการ 13 นาง จาก "ฉินหวยเหอ" ทุกคนต่างถูกเสียงปืน เสียงระเบิด เสียงรถถัง ควันไฟและไอปืนพัดพาพวกเขาเร้นหลบมาพบชะตากรรมร่วมกันที่โบสถ์คริสต์กลางเมือง ซึ่งคิดว่าหารญี่ปุ่นจะไม่กล้ารุกอธิปไตยของคริสตจักร
ซึ่งหาเป็นเช่นนั้นไม่...
เนื่องจากผู้คนในเรื่องมีหลายสัญชาตินี่เอง จึงมีการใช้ทั้งภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น และภาษาจีนสลับกันไปมาซึ่งถือเป็นเครื่องมือบุกตลาดโลกอย่างชาญฉลาดและสมเหตุสมผลของจาง อี้โหมว เพราะเด็กกำพร้าในคอนแวนต์ รวมถึงเด็กวัดที่ชื่อ "จอร์จ" ล้วนพูดภาษาอังกฤษได้ นายพลของญี่ปุ่นก็พูดได้ รวมถึงยู่ว์ โหมว หัวหน้ากลุ่มสาวขายบริการด้วย และแน่นอนว่าบาทหลวงจอมปลอม "จอห์น มิลเลอร์" ที่รับบทโดย "คริสเตียน เบลล์" ก็พูดภาษาอังกฤษทั้งเรื่อง เป็นการแต่งตัวใส่สูทอย่างทะมัดทะแมงให้ "The Flowers of War" เดินสู่ตลาดโลก
และในที่สุดก็ได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำในฐานะภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม แต่ถูกหนังอิหร่านเบียดตกไปก่อนถึงเส้นชัยอย่างน่าเสียดาย เพราะช่วงนี้การเมืองโลกกำลังเอียงไปทางตะวันออกกลาง
"จาง ซินยี่" ที่รับบทเด่นในฐานะผู้เล่าเรื่อง
สูตรสำเร็จที่กล่าวในช่วงต้นเกิดขึ้นจากสงครามที่ทำให้ทุกคนมารวมตัวกันในที่ที่ปลอดภัยที่สุด เพราะคิดว่าญี่ปุ่นจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคริสตจักร และสัปเหร่อขี้เมาที่ตอนแรกเห็นแก่ได้และพยายามจะเอาตัวรอดคนเดียวเกิดกลับใจเมื่อไปสวมใส่ชุดบามหลวง พลังแห่งศรัทธาทำให้เขากลายเป็นบาทหลวงที่คอยปกป้องเด็กหญิงกำพร้าทั้งหมดอย่างสุดความสามารถ ส่วนความรักอันงดงามในเพลิงสงครามก็เกิดขึ้นกับบาทหลวงปลอมกับหญิงงามเมือง ความคับขันและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันทำให้ไฟรักไฟปรารถนาของทั้งคู่โหมโชน และก็ต้องดับทันที เมื่อหญิงงามเมืองทั้ง 13 นาง ยอมเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเด็กหญิงกำพร้าเหล่านี้ให้รอดและมีชีวิตที่ดีกว่า
นี่คือสูตรสำเร็จแห่งสงคราม ความรัก ชะตากรรมอย่างแท้จริง และแต่ละชีวิตที่เกิดขึ้นในจอล้วนเชื่อมโยงเกี่ยวกันพันด้วยเส้นใยที่เรียกว่าความสมเหตุสมผลที่ "จาง อี้โหมว" สร้างขึ้นมาอย่างละเอียดละออ
และยี่ห้อ "จาง อี้โหมว" นี้การันตีแน่นอนว่าผู้ชมจะเห็นภาพสโลว์โมชั่น เน้นและกระชากอารมณ์หลายต่อหลายฉากเช่นเคย...ไม่ขนลุก ไม่ตัวสั่น น้ำตาไม่คลอ ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
สำหรับชาวไทยคงจะได้ชมในโรงภาพยนตร์ในเร็ววันนี้...โปรดอดใจรอ
และถ้ารอไม่ไหวก็ไปหาหนังสือ "สิบสามบุปผาแห่งนานกิง" เขียนโดย เหยียน เกอหลิง ซึ่งเป็นต้นเค้าของเรื่องนี้ได้ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ เล่มนี้จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์เอิร์นเนสต์ แปลโดย "ซินโป-หย่งชุน" สองนักแปลเรื่องจีนมือฉมัง
กลุ่มเด็กนักเรียนหญิงคอนแวนต์กำลังวื่งหนีสงคราม
พัลลภ สามสี