ท่านทูตสมดี บุนคุ้ม และภริยาเปิดวงฟ้อนรำ
ส่วนสำหรับเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มาเรียนเพียงอย่างเดียว ทั้งที่มาในฐานะนักเรียนทุนและผู้ที่จ่ายค่าเล่าเรียนเอง ก็ดูเหมือนจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจของลาวมีการพัฒนามากกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะกับประเทศจีน ทำให้นักศึกษาเหล่านี้เป็นความหวังใหม่ในอนาคตอันใกล้เมื่อสำเร็จการศึกษา ซึ่งสามารถเป็นข้อต่อสำคัญในบทบาทความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศในภาคประชาชน และภาคธุรกิจ
และเมื่อมองออกไปไกลถึงความเป็นประชาคมอาเซียนในอนาคต แม้ลาวจะเป็นประเทศเล็ก แต่จากแค่ตรงนี้ แค่ในกรุงปักกิ่ง ก็สามารถมองเห็นความพร้อมเป็นอย่างมากในการตระเตรียมบุคลากร
แต่ไม่ว่าใครจะมีบทบาทหรือตำแหน่งอะไร ในวันงานบุญสำคัญของประเทศเช่นนี้ ต่างก็เก็บไว้ข้างกาย เปิดให้ใจได้อยู่กับความสนุกสนาน ยิ่งเป็นโอกาสในการร่วมงานบุญไกลบ้านไกลเมืองเข่นนี้ ทุกคนจึงยิ่งมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากยิ่งขึ้น
ทีมงานส่วนหนึ่งมาพักที่สถานทูตตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ 13 เพื่อเตรียมงานทุกขึ้นตอน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเรี่ยวแรงจากกลุ่มนักศึกษาที่สนิทสนมกับทางสถานทูตเป็นอย่างดีและใช้กันมาแล้วหลายงานจนรู้ใจ ทุกคนถูกจัดสรรหน้าที่กันอย่างลงตัว ทั้งเตรียมสถานที่ และอาหาร ซึ่งอย่างหลังนั้นเพียบพร้อมชนิดรับประทานกันได้ทั้งวัน
ชาวลาวร่วมกันเต้าบัดสลบ ลิลาศประจำชาติลาว
เช้าวันที่ 14 เมษายน อุณหภูมิในกรุงปักกิ่งกำลังสบายๆ สวมเสื้อยืดแขนสั้นเพียงตัวเดียวก็เอาอยู่ ดวงอาทิตย์ก็ทอแสงจ้า แต่ทว่าไม่ถึ
งกับร้อนจัด แมกไม้ทุกต้นต่างแข่งกันแทงยอดสีเขียวอ่อนออกมารับแดดฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้และดอกหญ้าพากันชูช่อสลอน อวลให้บรรยากาศงานเต็มไปด้วยความสดชื่น