และเป็นอย่างที่ลุงว่า เพราะขนาดถนนที่รถราไม่อาจผ่านได้นอกจากจักรยานมีเพียงบ้านเรือซอมซ่อเรียงชิดติดกัน บ้านบางหลังกระจกแตกไปแล้ว มีเพียงผ้าพลาสติกมาปิดเอาไว้ เพื่อกันลมหนาว บางบ้านมีแสงไฟส่องวอมแวมทั้งที่เป็นกลางวัน ผมจึงอดที่จะสอดส่องเข้าไปดูไม่ได้ สิ่งที่เห็นผ่านควันบุหรี่เข้าไปภายในบ้านหลังนั้นคือคนจำนวนหนึ่งนั่งล้อมโต๊ะหลายตัวเล่นไพ่นกกระจอกกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน กิจกรรมที่มีให้เห็นโดยทั่วไปในเมืองจีน เดินบนถนนสายนี้ต้องคอยมองรถจักยานไฟฟ้าให้ดี เพราะคนขี่บิดมาด้วยความเร็วและไร้เสียง เดินเพลินไปหน่อยอาจจะถูกเฉี่ยวชนเอาได้
ทุกครั้งที่มีผู้คนโผล่ออกมานอกบ้าน หรือเดินสวนมา ผมเป็นจะต้องเข้าไปถามเพื่อความแน่ใจว่าเดินมาถูกทางแล้วหรือยัง เพราะขณะนั้นฝนเริ่มปรอยลงมาบาง อากาศเย็นพอที่จะทำให้หยดน้ำกลายเป็นหิมะได้เลยทีเดียว แต่เงยหน้ามองทีไรก็มีเพียงละอองฝนที่เปรอะเปื้อนเลนซ์แว่นสายตา ซอยเล็กๆ แคบๆ นี้ พอยิ่งฝนลงและดวงอาทิตย์หนีหลุบขอบอาคารโบราณสองข้างไปแล้ว ผู้คนก็ดูเหมือนจะอันตระธานหายจากพื้นถนนแฉะๆ นี้ไปสิ้น ถึงตอนนี้แผนที่ในมือก็ไร้ประโยชน์แล้ว บ้านแต่ละหลังทึมเทาไร้แสงไฟ มวลอากาศสลัวลางปกคลุมไปทั่ว ราวกับเดินอยู่ในฉากหนังสยองขวัญ
ขณะที่กำลังพะว้าพะวังกับเส้นทางที่ทอดยาวดูไร้จุดหมายอยู่นั้น จู่ก็มีชายชราคนหนึ่งโผล่ออกมาจากซอกตึก ผมหยุดกึกจ้องหย้าแกตาไม่กระพริบ แกเองก็ดูเหมือนจะตกใจพอกัน มือที่กำลังรูดซิบกางเกงจึงค้างเติ่งอยู่ครึ่งๆ กลางๆ พอตั้งตัวได้แกก็ดึงมันขึ้นจนสุด ขณะที่ตาผมเลื่อนลงมาที่มือแกตั้งแต่เมื่อไรไม่อาจทราบได้ พอรู้ตัวว่ามองเป้ากางเกงแกอยู่ผมจึงรีบเสมองไปทางอื่น และก้าวเบี่ยงหลบทางให้แกเดิน
"จะไปไหน" แกถามผมเป็นภาษาจีนกลาง
ผมหันกลับมามองที่แกอีกที คราวนี้เห็นหน้าชัดขึ้น เพราะเป็นมุมที่แสงไฟจากโคมถนนสาดมาพอดี ทำให้รู้ว่าแกไม่ได้ดูแก่อย่างแวบแรก คะเนแล้วน่าจะไม่เกินหกสิบ "ผมจะไปถนนซี จง ซื่อ"
"เลี้ยวซ้ายข้างหน้าไปไม่ไกลก็ถึงแล้ว เดินดีๆ มันจะมืดแล้ว"
ผมมองตามมือที่แกชี้ไป พยายามชะเง้อชะแง้มองหาวี่แววของซอยข้างหน้า เพราะมีแต่ตึกที่เรียงพรึดติดกัน
"ขอบคุณครับ" ผมหันมาบอกขอบคุณในไมตรีที่พบได้ยากจากประสบการณ์ท่องเที่ยวในเมืองจีนมาหลายแห่ง ทั้งที่ยังไม่เห็นทางแยกที่ว่าเลย แต่ลุงคนนั้นไม่อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว
เมื่อมองไม่เห็นใคร ผมเลยรีบจ้ำอ้าวไม่เหลียวหลังอีก สักพักก็พบทางเลี้ยวจริงดังว่า ก่อนถึงถนนใหญ่มีสะพานหินทอดข้ามคลองแคบๆ น้ำบริเวณนี้สีดำสนิมต่างจากในคลองข้างถนนใหญ่ หลังบ้านของทุกหลังมีบันไดท่าน้ำของตัวเอง แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครใช้มาหลายปีแล้ว สีของอาคารก็ลอกกร่อนกระดำกระด่าง ทำให้เห็นภาพอีกมุมหนึ่งของซูโจว ภาพของวิถีชีวิตชาวบ้านดั้งเดิมที่ยากจน ต้องแออัดกันอยู่ในซอยแคบๆ นี้ ที่แผนที่เดินเท้าระบุให้เข้ามา ก็คงเพระมีจุดประสงค์ที่จะให้เห็นความเป็นจริงทุกมุมของซูโจวนั่นเอง
หลังบ้านอันแออัด
ตอนที่มายืนอยู่ข้างทางเท้าถนนสายหลัก รู้สึกว่าตัวเองหายใจได้เต็มปอดอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่คิดว่าตัวเองจะหลงอยู่ในซอยนั้นจนมืด มันบีบหัวใจยิ่ง พอออกมาได้เลยปลอดโปร่งโล่งสบาย อีกทั้งความมืดก็ดูเหมือนจะมลายหายไปด้วย