2-3 วันมานี้ อากาศของกรุงปักกิ่งตกอยู่ในบรรยากาศแห่งความขมุกขมัว มีหมอกลงจัดปกคลุมทุกตารางนิ้ว ลักษณะคล้ายจะมีหิมะตก นอกจากนี้ความชื้นสูงยังถูกกดดันให้อากาศแน่นิ่งไม่ไหวติง ซ้ำยังไม่มีกระแสลมพัดผ่าน มลพิษทั้งมวลที่ออกมาจากท่อไอเสียรถยนต์ บ้านเรือน โรงงานทำความร้อนด้วยถ่านหิน โรงงานอื่นๆ และกิจกรรมอื่นๆ ของมนุษย์จึงไม่สามารถลอยออกไปในชั้นอากาศสูงๆ ได้ ทำให้ทั่วทั้งเมืองเหมือนถูกครอบด้วยถุงพลาสติกขนาดใหญ่
อากาศระดับวิกฤตนี้ดำเนินมาจนถึงวันจันทร์ 14 มกราคมจึงค่อยผ่อนคลายลง เพราะเริ่มมีแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาได้ ซึ่งในตอนเย็นวันเสาร์นั้นมีมลพิษในอากาศย่ำแย่ที่สุด ซึ่งค่าพีเอ็ม 2.5 หรือปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนในอากาศ ที่มีผลเสียอย่างยิ่งต่อระบบทางเดินหายใจของมนุษย์วัดได้ถึง 866.0 ต่อมวลอากาศ 1 ลูกบาศก์เมตร ต่ำกว่ามาตรฐานคุณภาพอากาศที่มนุษย์รับได้ถึง 714 จุด ซึ่งทางการจีนได้ยกระดับการเตือนภัยของมลพิษทางอากาศเป็นระดับสีส้ม หรือรุนแรงระดับ 2
ซึ่งปกติแล้วค่ามลพิษในอากาศที่รับได้ควรจะอยู่ที่ไม่เกิน 60-70 เท่านั้น ซึ่งกรุงปักกิ่งก็เคยวัดได้ ทั้งยังระบุอีกว่าในตัวเมืองดีกว่าชานเมือง แต่ครั้งนี้รุนแรงเกินกว่าที่จะคาดคิดและควบคุม เพราะขนาดว่าเขตชานเมืองไม่ว่าจะเป็นมี่หยุน ฟางซาน ทงโจว ก็ล้วนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงด้วย
จึงถือได้ว่าวิกฤตเลวร้ายที่สุดในรอบ 10 ปี
สาเหตุหลักที่ทำให้อากาศของกรุงปักกิ่งน่าหวาดวิตกเช่นนี้ เกิดจากจำนวนรถยนต์มหาศาลที่มากกว่า 20 ล้านคัน โรงงานทำความร้อนให้กับบ้านเรือนในช่วงฤดูหนาวที่เผาผลาญด้วยพลังงานถ่านหิน การก่อสร้างอาคารบ้านเรือนขนาดใหญ่ที่กระจายอยู่ทุกมุมเมือง ประกอบกับความกดอากาศต่ำ ความชื้นในอากาศสูง ไม่มีลมและแสงแดด รวมถึงในฤดูหนาวเช่นนี้ ต้นไม้ในเมืองจำนวนมากไม่มีใบมาช่วยสังเคราะห์แสงและฟอกอากาศ จึงทำให้เกิดวิกฤติอากาศขึ้นมา
ขณะเดียวกันการเกิดมลภาวะทางอากาศขั้นรุนแรงครั้งนี้ ยังเป็นการท้าทายมาตรฐานตรวจวัดคุณภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมแห่งชาติฉบับใหม่ที่ประกาศใช้อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา พร้อมทั้งเปิดตัวสถานีตรวจวัดอากาศที่กระจายอยู่ในจุดสำคัญๆ ทั่วทั้งกรุงปักกิ่งจำนวน 35 จุด ไม่ว่าจะเป็นที่จตุรัสเทียนอันเหมิน หอไหว้ฟ้าเทียนถาน อาคารซีซีทีวี และอื่นๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับระบบตรวจวัดอากาศของจีนเอง
นั่นก็เพราะว่าก่อนหน้านี้ รายงานสภาพมลพิษในอากาศ และค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กระดับต่ำกว่า 2.5 ไมครอนนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถรับรู้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้เพียงผ่านทางทวิตเตอร์ของสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำกรุงปักกิ่งเท่านั้น ด้วยเพราะค่าที่วัดและแจ้งผ่านทางหน่วยงานของจีนนั้นมักจะแตกต่างกันอย่างมาก แถมยังกดดันทางการจีนด้วยการเพิ่มเครื่องตรวจวัดในสถานกงสุลทุกแห่งในประเทศจีนด้วย